ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.วรรณเผยปีนี้ตั้งเป้าโตเพิ่มอีก 10-15% หรืออีก 10,000 ล้านบาท 3 เดือนที่ผ่านมาฟาดเอยูเอ็มไปแล้วกว่า 65,500 ล้านบาท ไตรมาส 2 เตรียมคลอดกองทุนออยล์ฟันด์รับดีมานด์
นายศักดา มาณวพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมาเอยูเอ็มอยู่ที่ 65,623 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ 3 เดือนที่ผ่านมาไตรมาสแรกเอยูเอ็มของบริษัทอยู่ที่ 65,500 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นกองทุนรวม 22,800 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือโพรวิเดนต์ด์ 700 ล้านบาท กองทุนรวมส่วนบุคคล หรือไพรเวตฟันด์ 24,000 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ 17,200 ล้านบาท โดยคาดว่าในสิ้นปีจะโตเพิ่มอีก 10-15% ของอุตสาหกรรมกองทุนรวม หรือโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท
โดยแผนการดำเนินงานในปีนี้เตรียมที่จะออกกองทุนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8-9 กองทุน ซึ่งไม่นับรวมกองทุนโรลโอเวอร์ ซึ่งในไตรมาส 2 นี้เตรียมที่จะออกกองทุนออยล์ฟันด์ นอกจากนี้แล้วบริษัทเตรียมพัฒนาสิ่งที่แตกต่างเพิ่มให้เข้ากับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น โดยเราเตรียมพร้อมในเรื่องของการให้บริการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากว่าเราเป็น บลจ.ที่ไม่มีแบงก์คอยช่วยเหลือ ดังนั้นเราต้องพัฒนาบุคลากรของเราให้มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนได้
“บริษัทเตรียมแผนไว้ว่าจะออกกองทุนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นให้ได้ไตรมาสละ 2-3 กองทุนเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ซึ่งเราจะเปิดกองทุนออยล์ฟันด์ในช่วงไตรมาส 2 นี้ก่อน เพราะเรามองว่าราคาน้ำมันในช่วงเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงเริ่มต้นของไฮซีซัน”
นายศักดากล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในภาคอุตสาหกรรมกองทุนรวม บลจ.วรรณเราอยู่ในอันดับที่ 10 ส่วนของกองทุนรวมเราอยู่ที่อันดับ 12 และมีแผนที่จะพัฒนาให้ปรับตัวมาอยู่ที่อันดับ 10 ต่อไป
ขณะเดียวกัน บลจ.วรรณมองว่าเราเป็น บลจ.ขนาดกลาง การออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องให้มีความแตกต่างมากกว่าคู่แข่ง เช่น เรามีกองทุนเอเชียนบอนด์ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ปัจจุบันให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.6% เนื่องจากว่าตลาดเอเชียเองมีความแข็งแกร่ง ตรงนี้ก็จะทำให้เรามีลูกค้ามากขึ้น รวมถึงลูกค้าสถาบันด้วย
“ในปีนี้เราจะเน้นกลุ่มลูกค้าสถาบันเป็นหลัก เนื่องจากว่าเราไม่มีแบงก์ช่วยหาฐานรายย่อย เราจึงบุกสถาบันเป็นหลัก แต่ที่ผ่านมาเราก็ได้มีมานานแล้วกับกลุ่มลูกค้าสถาบันให้ความสำคัญอยู่ตลอดเวลา เช่น สถาบัน มหาวิทยาลัย สหกรณ์ เป็นต้น เราจะโฟกัสไปในส่วนตรงนี้”
นายศักดากล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คาดว่าจะออกมา 1 กองทุน แต่ต้องรอดูจังหวะก่อน เพราะที่ผ่านมามีหลายที่เข้ามาเสนอแต่ก็ยังไม่ได้สนใจมากนัก เพราะการจะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเสี่ยงดังนั้นเราต้องพิจารณาให้ดีก่อนออก
นายศักดา มาณวพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมาเอยูเอ็มอยู่ที่ 65,623 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ 3 เดือนที่ผ่านมาไตรมาสแรกเอยูเอ็มของบริษัทอยู่ที่ 65,500 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นกองทุนรวม 22,800 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือโพรวิเดนต์ด์ 700 ล้านบาท กองทุนรวมส่วนบุคคล หรือไพรเวตฟันด์ 24,000 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ 17,200 ล้านบาท โดยคาดว่าในสิ้นปีจะโตเพิ่มอีก 10-15% ของอุตสาหกรรมกองทุนรวม หรือโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท
โดยแผนการดำเนินงานในปีนี้เตรียมที่จะออกกองทุนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8-9 กองทุน ซึ่งไม่นับรวมกองทุนโรลโอเวอร์ ซึ่งในไตรมาส 2 นี้เตรียมที่จะออกกองทุนออยล์ฟันด์ นอกจากนี้แล้วบริษัทเตรียมพัฒนาสิ่งที่แตกต่างเพิ่มให้เข้ากับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น โดยเราเตรียมพร้อมในเรื่องของการให้บริการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากว่าเราเป็น บลจ.ที่ไม่มีแบงก์คอยช่วยเหลือ ดังนั้นเราต้องพัฒนาบุคลากรของเราให้มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนได้
“บริษัทเตรียมแผนไว้ว่าจะออกกองทุนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นให้ได้ไตรมาสละ 2-3 กองทุนเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ซึ่งเราจะเปิดกองทุนออยล์ฟันด์ในช่วงไตรมาส 2 นี้ก่อน เพราะเรามองว่าราคาน้ำมันในช่วงเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงเริ่มต้นของไฮซีซัน”
นายศักดากล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในภาคอุตสาหกรรมกองทุนรวม บลจ.วรรณเราอยู่ในอันดับที่ 10 ส่วนของกองทุนรวมเราอยู่ที่อันดับ 12 และมีแผนที่จะพัฒนาให้ปรับตัวมาอยู่ที่อันดับ 10 ต่อไป
ขณะเดียวกัน บลจ.วรรณมองว่าเราเป็น บลจ.ขนาดกลาง การออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องให้มีความแตกต่างมากกว่าคู่แข่ง เช่น เรามีกองทุนเอเชียนบอนด์ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ปัจจุบันให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.6% เนื่องจากว่าตลาดเอเชียเองมีความแข็งแกร่ง ตรงนี้ก็จะทำให้เรามีลูกค้ามากขึ้น รวมถึงลูกค้าสถาบันด้วย
“ในปีนี้เราจะเน้นกลุ่มลูกค้าสถาบันเป็นหลัก เนื่องจากว่าเราไม่มีแบงก์ช่วยหาฐานรายย่อย เราจึงบุกสถาบันเป็นหลัก แต่ที่ผ่านมาเราก็ได้มีมานานแล้วกับกลุ่มลูกค้าสถาบันให้ความสำคัญอยู่ตลอดเวลา เช่น สถาบัน มหาวิทยาลัย สหกรณ์ เป็นต้น เราจะโฟกัสไปในส่วนตรงนี้”
นายศักดากล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คาดว่าจะออกมา 1 กองทุน แต่ต้องรอดูจังหวะก่อน เพราะที่ผ่านมามีหลายที่เข้ามาเสนอแต่ก็ยังไม่ได้สนใจมากนัก เพราะการจะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเสี่ยงดังนั้นเราต้องพิจารณาให้ดีก่อนออก