ASTVผู้จัดการรายวัน-น้องน้ำซัดทิพยประกันภัย กำไรวืดเป้า 650 ล้านบาท แต่ยังมั่นใจเบี้ยรับรวมทั้งปีเข้าเป้า 1.4 หมื่นล้านบาท หรือโต 40% คาดยอดความเสียหายเบื้องต้น 6 พันล้านบาท แต่ส่วนใหญ่มีการประกันต่อ พร้อมแจงรถขับลุยน้ำประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองเต็มที่
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ THIP เปิดเผยว่า ภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบริษัทประเมินความเสียหายเอาไว้ที่ประมาณ 6,000 พันล้านบาท เป็นความเสียหายจากการเข้าไปรับประกัน7 นิคมอุตสาหกรรม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นความเสียหายของรถยนต์อีก ประมาณ กว่า 700 คัน มูลค่าความเสียหายประมาณ 70 ล้านบาท ที่เหลือเป็นอื่นๆ ประมาณ 1,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายเบื้อต้นยังไม่รวมนิคมอุตสาหกรรมบางชัน และลาดกระบัง ซึ่งหากไม่สามารถป้องกันได้ก็จะทำให้มีความเสียหายมากขึ้น ส่วนความเสียหายของรันเวย์สนามบินดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมนั้นถึงแม้บริษัทจะมีรับประกันสนามบินดอนเมือง แต่ไม่มีการประกันภัยในส่วนของพื้นรันเวย์เอาไว้
ทั้งนี้ จากความเสียหายที่เกิดขึ้น บริษัทเชื่อว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ในด้านของกำไรอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 650 ล้านบาท แต่ในด้านของเบี้ยประกันรับรวมน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เติบโต 40% ส่วนปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรอยู่ที่ 570 ล้านบาท
“ความเสียหายครั้งนี้ถือว่าสูงมาก แต่ความเสียหายดังกล่าวเรารับเอาไว้เองแค่ 300 ล้านบาท ที่เหลือรีอินชัวเรอร์เป็นคนจ่ายทำให้ไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งต้องยอมรับว่าปีนี้กำไรจะไม่ดีเหมือนเดิม”นายสมพรกล่าว
นายสมพร กล่าวอีกว่า ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรอยู่ที่ กว่า 400 ล้านบาท ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกำไรมากกว่านี้ เพราะไตรมาส3 บริษัทได้ตั้งสำรองเอาไว้กว่า 100 ล้านบาท โดยก่อนสำรองเรื่องน้ำท่วม บริษัทมีกำไรอยู่ที่ 537 ล้านบาท แต่เมื่อหักสำรองแล้วทำให้กำไรจึงหายไปกว่า 100 ล้านบาท สำหรับไตรมาส4 คาดว่าจะต้องตั้งสำรองเพิ่ม เพราะประเมินสถานการณ์แล้วน้ำยังไม่ลด ซึ่งความเสียหายอาจจะเพิ่มมากกว่านี้
ส่วนประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากในขณะนี้คือ รถยนต์ที่ทำประกันชั้น 1 เอาไว้ แล้วขับไปลุยน้ำ แล้วเกิดความเสียหาย ในเรื่องนี้ ประกันภัยยืนยันว่าจ่าย แต่จ่ายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ส่วนกรณีที่รถถูกน้ำท่วมถึงเรือนไมท์รถยนต์ บริษัทประกันจ่ายตามทุนประกัน สำหรับรถยนต์ที่จอดอยู่ที่อู่เพื่อรอการซ่อม แต่ได้ประสบกับน้ำท่วม ประกันภัยก็ต้องจ่ายค่าสินไหม ไม่เกี่ยวกับอู่
“ในเบื้องต้นได้ประเมินว่าทั้งระบบจะมีรถยนต์ได้รับความเสียหายสูงถึง 20,000 คัน ค่าสินไหมประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือ เฉลี่ย 100,000 บาทต่อคัน และคาดว่าหลังน้ำลดความเสียหายน่าจะมีมากกว่านี้อีก”
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ THIP เปิดเผยว่า ภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบริษัทประเมินความเสียหายเอาไว้ที่ประมาณ 6,000 พันล้านบาท เป็นความเสียหายจากการเข้าไปรับประกัน7 นิคมอุตสาหกรรม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นความเสียหายของรถยนต์อีก ประมาณ กว่า 700 คัน มูลค่าความเสียหายประมาณ 70 ล้านบาท ที่เหลือเป็นอื่นๆ ประมาณ 1,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายเบื้อต้นยังไม่รวมนิคมอุตสาหกรรมบางชัน และลาดกระบัง ซึ่งหากไม่สามารถป้องกันได้ก็จะทำให้มีความเสียหายมากขึ้น ส่วนความเสียหายของรันเวย์สนามบินดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมนั้นถึงแม้บริษัทจะมีรับประกันสนามบินดอนเมือง แต่ไม่มีการประกันภัยในส่วนของพื้นรันเวย์เอาไว้
ทั้งนี้ จากความเสียหายที่เกิดขึ้น บริษัทเชื่อว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ในด้านของกำไรอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 650 ล้านบาท แต่ในด้านของเบี้ยประกันรับรวมน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เติบโต 40% ส่วนปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรอยู่ที่ 570 ล้านบาท
“ความเสียหายครั้งนี้ถือว่าสูงมาก แต่ความเสียหายดังกล่าวเรารับเอาไว้เองแค่ 300 ล้านบาท ที่เหลือรีอินชัวเรอร์เป็นคนจ่ายทำให้ไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งต้องยอมรับว่าปีนี้กำไรจะไม่ดีเหมือนเดิม”นายสมพรกล่าว
นายสมพร กล่าวอีกว่า ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรอยู่ที่ กว่า 400 ล้านบาท ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกำไรมากกว่านี้ เพราะไตรมาส3 บริษัทได้ตั้งสำรองเอาไว้กว่า 100 ล้านบาท โดยก่อนสำรองเรื่องน้ำท่วม บริษัทมีกำไรอยู่ที่ 537 ล้านบาท แต่เมื่อหักสำรองแล้วทำให้กำไรจึงหายไปกว่า 100 ล้านบาท สำหรับไตรมาส4 คาดว่าจะต้องตั้งสำรองเพิ่ม เพราะประเมินสถานการณ์แล้วน้ำยังไม่ลด ซึ่งความเสียหายอาจจะเพิ่มมากกว่านี้
ส่วนประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากในขณะนี้คือ รถยนต์ที่ทำประกันชั้น 1 เอาไว้ แล้วขับไปลุยน้ำ แล้วเกิดความเสียหาย ในเรื่องนี้ ประกันภัยยืนยันว่าจ่าย แต่จ่ายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ส่วนกรณีที่รถถูกน้ำท่วมถึงเรือนไมท์รถยนต์ บริษัทประกันจ่ายตามทุนประกัน สำหรับรถยนต์ที่จอดอยู่ที่อู่เพื่อรอการซ่อม แต่ได้ประสบกับน้ำท่วม ประกันภัยก็ต้องจ่ายค่าสินไหม ไม่เกี่ยวกับอู่
“ในเบื้องต้นได้ประเมินว่าทั้งระบบจะมีรถยนต์ได้รับความเสียหายสูงถึง 20,000 คัน ค่าสินไหมประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือ เฉลี่ย 100,000 บาทต่อคัน และคาดว่าหลังน้ำลดความเสียหายน่าจะมีมากกว่านี้อีก”
