โดยมนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)
ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ เป็นเรื่องที่ชาวโลกอาจงงงวย ไม่มีเหตุเกินความคาดหมายแบบสึนามิ แต่เราก็ยังเผชิญปัญหาหนักขนาดนี้ ที่ผมกังวลคือ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ส่งเสียงติงว่า แม้เรารู้ปัญหานี้เป็นเดือนๆ แต่โรงงานญี่ปุ่นหลายแห่งในนิคมอุตสาหกรรม ได้รับสัญญาณเตือนล่วงหน้าเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น การปกป้องรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ก็ลำบากมาก เห็นทุกฝ่ายทำงานหนักเป็นเดือนๆ ทั้งรัฐบาล ราชการ กองทัพ เอกชน สื่อมวลชน อาสาสมัคร แล้วก็อยากเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนครับ
เร็วๆนี้ เพื่อนของผมคนหนึ่งเพิ่งนักรถแท็กซี่คันหนึ่ง คนขับเขาบอกว่า “รู้ไหม ใครทำน้ำท่วมประเทศไทย...ลองคิดดูสิ คนไทยด้วยกันนับร้อยศพยังฆ่าได้ ทำไมการปล่อยน้ำจากเขื่อนมาท่วมคนไทยจะทำไม่ได้ !!” ผมฟังแล้วหดหู่ใจ
สิ่งที่ประเทศไทยควรทำให้ดีขึ้น จากปัญหาหนักครั้งนี้ คือ เราควรที่จะทำให้ประเทศของเราสูงขึ้นด้วย “ความรู้รักสามัคคี” กัน ควรเลิก “การใส่ร้าย เพื่อใช้ความเกลียดชังหาคะแนนเสียง” กันได้แล้ว
1.คนไทยควรเข้าใจ หัวใจของพี่น้องทหารไทย ได้แล้ว : ทหารไทย ก็คือพี่น้องคนไทย โดยหน้าที่แล้ว ก็ปกป้องประเทศไทย เพื่อพี่น้องไทยด้วยกัน เมื่อยามที่ประชาชนเดือดร้อน ทหารก็พร้อมที่จะปกป้อง
คนที่เคยใช้ความเท็จสร้างความแตกแยก ควรสำนึกได้แล้ว เคยกล่าวหาว่า “ทำไมทหารต้อง ‘ฆ่า’ ประชาชน ?” ราวกับว่า ทหารไม่มีหัวใจเป็นคนไทย ฆ่าประชาชนที่ไร้ทางสู้ แต่จริงๆแล้ว ในปีที่ผ่านมา ชาว กทม. ก็ถือว่า ได้ทหารปกป้อง จากกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เอาไม้ไผ่ เอายางรถยนต์ มาเผาจนรมโรงพยาบาลจุฬาฯ และพื้นที่ใกล้เคียง แต่ไม่ใช่เท่านั้น เมื่อทหารได้พบกับคนเสื้อแดงที่ปราศจากอาวุธ ก็คุ้มครองส่งกลับบ้านกว่า 3,650 คน
วันนี้ คนไทยเห็นประจักษ์ชัดแล้วว่า ทหารของพระราชา ก็คือ ทหารของประชาชน คนไทยได้เห็นทหารของพระองค์ถือถุงพระราชทาน และความช่วยเหลือทุกด้านเข้าไปถึงประชาชน ไม่มีแบ่งสี แบ่งฝ่าย ทุกพื้นที่มาเป็นเดือนๆแล้ว
ผู้ใหญ่ในรัฐบาล และผู้ใหญ่ของพี่น้องเสื้อแดง ควรถือโอกาสนี้ ชี้แจงให้คนเสื้อแดงเห็นตรงตามความจริงว่า ทหาร ไม่เคยเป็นศัตรูกับประชาชน และที่มีใครสร้างความเกลีดชังว่า “ทหารไล่ล่าฆ่าประชาชนคนเสื้อแดง” นั้น เป็นความเท็จ และพี่น้องคนไทยทุกคนก็อย่าไปเชื่อ
ไม่ควรปล่อยให้คนขับแท็กซี่ หรืออีกหลายๆคน ซึ่งอาจได้รับฟังข้อมูลจากแหล่งใด ยังเก็บเรื่อง “91 ศพ” เป็นประเด็นโกรธแค้น อาภัพ น้อยใจ จะได้เก็บความโกรธ เกลียดนั้นไว้ เพียงเพื่อเป็นฐานคะแนนของตนต่อไป
2.คนไทยพึงรักกัน และเห็นประโยชน์ส่วนรวมและส่วนตัวไปด้วยกัน : ผมอยากพูดให้ชัดกว่าที่จะบอกว่า พึงเห็นประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ขณะนี้ ความเสียหายก็เริ่มประเมินกันมากขึ้นๆ จากหลายหมื่นล้านบาท เป็น 2 แสนล้านบาท เป็น 5 แสนล้านบาทอย่างน่าตกใจ และอาจไปถึงเกือบล้านล้านบาทได้ หากบางคนยังใช้ความเกลียดชัง ต้อง “เฉลี่ยทุกข์” คือ ทุกข์บางคนเพิ่ม ทุกข์ของคนที่รับอยู่จะลดลง ผมว่าถ้าเป็นเช่นนั้น ก็พอจะเฉลี่ยกันได้ แต่หลายครั้งอาจไม่ขนาดนั้น
คนไทยควรรักกันและกัน และรัก “ความแตกต่าง” ของกันและกัน ดังอวัยวะของกายเดียวกัน ถ้าร่างกายมีแต่นิ้ว ก็คงไม่มีตาไว้ดู ไม่มีหูไว้ฟัง ไม่มีจมูกไว้หายใจฯลฯ บางครั้ง พอน้ำท่วมโรงงาน เหลือท่วม กทม. จะมีกระแสเสียงว่า “ก็ดีแล้ว อย่าให้เกษตรกรจนๆเท่านั้นที่ต้องรับน้ำ แต่พวกนายทุนควรโดนไปบ้าง” ผมว่าคิดกันอย่างนั้น ก็อันตราย
ทุกคนควรเข้าใจภาพเดียวกัน ถ้าบ้านเกษตรกรเลือกได้ จะเลือกบางอย่างที่ไม่ท่วมน้ำ จะเลือก จอบ เสียม หม้อหุงข้าว รถแทรกเตอร์ คอกควาย ที่เก็บฟาง ฯลฯ ผมว่า เกษตรกรก็คงเลือกที่มีมูลค่าสูง จมน้ำแล้วเสียเก็บให้แห้งเช่น หม้อหุงข้าวเอาไว้ทำอาหารกิน และรถแทรกเตอร์เอาไว้ใช้ทำงาน
การเก็บโรงงานไว้ ไม่ใช่เพื่อนายทุน แต่โรงงานเหล่านี้ สร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล จ้างแรงงานไทยมากมาย หากไม่มี ทุกคนเป็นเกษตรกรเหมือนกันหมด จะแย่งพื้นที่ทำกินกันอีก กำลังซื้อก็น้อยลง เกษตรกรเองก็จะยิ่งลำบาก
การเก็บพื้นที่ กทม.ไว้ ก็เป็นศูนย์กลางการบริหารงาน การค้า การขนส่ง การรักษาพยาบาล การศึกษา ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องปัญหาชนชั้นแต่อย่างใด
หากน้ำท่วมพันไร่ต่อพันไร่ ในพื้นที่ที่เป็นการเกษตร ประชาชนที่เดือดร้อนต่อไร่ก็อาจจะน้อยกว่าพื้นที่อุตสาหกรรม หรือพื้นที่เศรษฐกิจมหาศาล จำนวนผู้คนที่เดือดร้อน ต้องอพยพ หรือ จำนวนขยะที่จะเกิดขึ้น ฯลฯ มันก็จะมากกว่ามาก ทุกคนจึงควรเข้าใจ หากรักษาบ้านเมืองให้มีพื้นที่เสียหายน้อยลง บางพื้นที่ไม่เสียหายบ้าง ส่วนที่ทำรายได้ได้ ก็ให้ทำต่อไป ส่วนที่จะต้องรับความช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐก็จะได้มีตัวหารน้อยลง
ผมจึงอยากพูดให้ชัดว่า ไม่ใช่ “ให้คิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว” แต่ “ให้คิดประโยชน์ส่วนรวมและส่วนตัวคู่กันไป” เพราะถ้าส่วนรวมดี หรือเจ็บน้อย ตัวหารก็น้อย และส่วนตัวก็จะได้ประโยชน์ดีขึ้นไปด้วยครับ
3.ในเมื่อ “ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ” ปัญหา และทางแก้ไข ก็ “เร็วไป” ที่จะสรุปงบ 9 แสนล้านบาท : จากการแก้ไขปัญหามาหลายครั้ง หลายเรื่องสะท้อนความ “ไม่รู้” ปัญหา สาเหตุของปัญหา และทางแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ การเก็บกักสะสมน้ำในเขื่อนเพื่อให้ชาวนาเกี่ยวข้าวก่อน การไม่ปล่อยน้ำออกทางตะวันออกให้เต็มที่ก่อนหน้านี้ การหย่อนตู้คอนเทนเนอร์ด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่ไปลอยในน้ำ การปล่อยให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งบังคับให้เปิดประตูน้ำคลองสามวา การใส่ลูก EM Ball ฯลฯ
หลายเรื่องยังอาจจะไม่ได้ผล ในฐานะประชาชนก็ยังเข้าใจและยังอยากให้กำลังใจ แต่การสรุปงบลงทุน 9 แสนล้านบาทนั้น ก็อาจจะเร็วไป ในบรรยากาศที่ความเชื่อมั่น ศรัทธา และความไว้วางใจเริ่มสั่นคลอนในขณะนี้ครับ