บลจ. บัวหลวง ผนึก 4 ร้านทอง เปิดไอพีโอกองทุนทองคำ "บัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ" เน้นลงทุนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุน เริ่มไอพีโอแล้ว ถึง 20 ต.ค. นี้
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ หรือ BCHAY โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 96.5% ในประเทศ และหน่วยลงทุนมีสภาพคล่องเพราะสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้งมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเพิ่มขึ้นของทองคำในระยะยาว อาทิ ความต้องการทองคำเพื่อการลงทุน และใช้เป็นทุนสำรอง จากประเทศต่างๆ เช่น จีน และอินเดีย และความไม่แน่นอนในการคลี่คลายปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น โดยกองทุนดังกล่าวเริ่มไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 20 ตุลาคม 2554
"กองทุน BCHAY มีขนาดกองทุน 4,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งในประเทศ ความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 96.5% เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และภายหลังการจัดตั้งกองทุนแล้ว บลจ.บัวหลวงจะนำหน่วยลงทุน BCHAY เข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ จะทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุน และ ผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนจากราคาทองคำแท่งภายในประเทศ โดยนักลงทุนที่สนใจลงทุนในช่วงเสนอขายครั้งแรกนี้ ทุก 1 ล้านบาท จะได้รับบัตรกำนัลสูงสุด 2,200 บาท รวมกันสูงสุดไม่เกิน 22,000 บาท"
นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเปิด BCHAY เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่าง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง) และ 4 พันธมิตรผู้ค้าทองคำรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัซ จำกัด บริษัท ออสสิริส จำกัด และบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยการสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน
ล่าสุด บลจ.บัวหลวง จำกัด ได้เปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 32/11 หรือ B-Fixterm 32/11 เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีอายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.45% ต่อปี โดยเริ่มไอพีโอแล้ว วันนี้ ถึง 18 ต.ค. 54 ซึ่งกองทุนจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐประมาณ 8% เงินฝาก และตราสารหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินในประเทศ 19% ตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ 24% เงินฝาก และตราสารหนี้สารหนี้ที่เป็นการลงทุนในธนาคารแห่งประเทศจีน 24% ตราสารภาคเอกชน 24% และ เงินฝากอีก 1%
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ หรือ BCHAY โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 96.5% ในประเทศ และหน่วยลงทุนมีสภาพคล่องเพราะสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้งมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเพิ่มขึ้นของทองคำในระยะยาว อาทิ ความต้องการทองคำเพื่อการลงทุน และใช้เป็นทุนสำรอง จากประเทศต่างๆ เช่น จีน และอินเดีย และความไม่แน่นอนในการคลี่คลายปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น โดยกองทุนดังกล่าวเริ่มไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 20 ตุลาคม 2554
"กองทุน BCHAY มีขนาดกองทุน 4,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งในประเทศ ความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 96.5% เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และภายหลังการจัดตั้งกองทุนแล้ว บลจ.บัวหลวงจะนำหน่วยลงทุน BCHAY เข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ จะทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุน และ ผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนจากราคาทองคำแท่งภายในประเทศ โดยนักลงทุนที่สนใจลงทุนในช่วงเสนอขายครั้งแรกนี้ ทุก 1 ล้านบาท จะได้รับบัตรกำนัลสูงสุด 2,200 บาท รวมกันสูงสุดไม่เกิน 22,000 บาท"
นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเปิด BCHAY เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่าง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง) และ 4 พันธมิตรผู้ค้าทองคำรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัซ จำกัด บริษัท ออสสิริส จำกัด และบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยการสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน
ล่าสุด บลจ.บัวหลวง จำกัด ได้เปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 32/11 หรือ B-Fixterm 32/11 เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีอายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.45% ต่อปี โดยเริ่มไอพีโอแล้ว วันนี้ ถึง 18 ต.ค. 54 ซึ่งกองทุนจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐประมาณ 8% เงินฝาก และตราสารหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินในประเทศ 19% ตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ 24% เงินฝาก และตราสารหนี้สารหนี้ที่เป็นการลงทุนในธนาคารแห่งประเทศจีน 24% ตราสารภาคเอกชน 24% และ เงินฝากอีก 1%