ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.เกียรตินาคิน จ่อส่งทาร์เก็ตฟันด์เก็บหุ้นทั้งในและต่างประเทศ ชู "จีน-สหรัฐ" เนื้อหอม ชี้เป็นโอกาสหลังราคาปรับฐานไปเยอะแล้ว
นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด (KKFund) กล่าว?ว่า บริษัทจะออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ 3 กองทุน โดยวันที่ 10-17 ส.ค.นี้จะเปิดขายกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนหุ้นไทย ตั้งเป้าผลตอบแทน 7% เนื่องจากมองว่าปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งและว่าดัชนีจะเข้าสู่เป้าหมายปีนี้ที่ 1,250 จุด
นอกจากนี้ มีแผนออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนในกองทุนอีทีเอฟประเทศจีนและประเทศสหรัฐ เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาก ถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน และมองว่าทั้งสองประเทศยังมีโอกาสในการเติบโต โดยวันที่ 18-24 ก.ย.นี้จะเปิดขายกองทุนอีทีเอฟหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และจดทะเบียนเป็นกองทุนผสมยืดหยุ่นในจังหวะที่หุ้นไม่ดีสามารถลงทุนในตราสารหนี้ได้ โดยตั้งเป้าผลตอบแทน 10%
นายศุภกร กล่าว ปัจจุบันตลาดหุ้นจีนซื้อขายที่สัดส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) 12-14 เท่า ซึ่งยังมีส่วนต่างที่จะหาผลตอบแทนได้ 20% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจจีนยังโตต่อเนื่องแต่ราคาหุ้นนิ่งมากว่า 2 ปีครึ่งจากปัญหาเงินเฟ้อที่สูง โดยคาดว่าในเดือนส.ค.นี้ตัวเลขจะชัดเจนขึ้นทั้งเงินเฟ้อและดอกเบี้ย หลังจากนั้นราคาหุ้นจีนน่าจะทยอยวิ่งได้
สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 300 จุด แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานพบว่าบริษัทจดทะเบียนยังมีกำไรที่ดีและมีกระแสเงินสดค่อนข้างมาก ซึ่งปกติแล้วบริษัทเหล่านี้จะนำเงินไปซื้อหุ้นตัวเองหรือไม่ก็เล็งควบรวมกิจการ ส่งผลดีต่อราคาหุ้น โดยคาดว่าปีนี้กำไรบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐจะเติบโต 9.9% ซื้อขายที่พี/อี 15 เท่า ซึ่งหากเทียบจากพี/อีปัจจุบัน ยังมีส่วนต่างในการสร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 14% โดยบริษัทจะเปิดขายกองทุนอีทีเอฟสหรัฐประมาณวันที่ 25 ส.ค.-1 ก.ย. นี้ ตั้งเป้าผลตอบแทน 10% เช่นกัน
“หุ้นจีนและสหรัฐมีส่วนต่างในการทำกำไรมากกว่าหุ้นไทย แต่ในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจหุ้นไทยยังดีกว่า”นายศุภกร กล่าว
นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด (KKFund) กล่าว?ว่า บริษัทจะออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ 3 กองทุน โดยวันที่ 10-17 ส.ค.นี้จะเปิดขายกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนหุ้นไทย ตั้งเป้าผลตอบแทน 7% เนื่องจากมองว่าปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งและว่าดัชนีจะเข้าสู่เป้าหมายปีนี้ที่ 1,250 จุด
นอกจากนี้ มีแผนออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนในกองทุนอีทีเอฟประเทศจีนและประเทศสหรัฐ เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาก ถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน และมองว่าทั้งสองประเทศยังมีโอกาสในการเติบโต โดยวันที่ 18-24 ก.ย.นี้จะเปิดขายกองทุนอีทีเอฟหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และจดทะเบียนเป็นกองทุนผสมยืดหยุ่นในจังหวะที่หุ้นไม่ดีสามารถลงทุนในตราสารหนี้ได้ โดยตั้งเป้าผลตอบแทน 10%
นายศุภกร กล่าว ปัจจุบันตลาดหุ้นจีนซื้อขายที่สัดส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) 12-14 เท่า ซึ่งยังมีส่วนต่างที่จะหาผลตอบแทนได้ 20% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจจีนยังโตต่อเนื่องแต่ราคาหุ้นนิ่งมากว่า 2 ปีครึ่งจากปัญหาเงินเฟ้อที่สูง โดยคาดว่าในเดือนส.ค.นี้ตัวเลขจะชัดเจนขึ้นทั้งเงินเฟ้อและดอกเบี้ย หลังจากนั้นราคาหุ้นจีนน่าจะทยอยวิ่งได้
สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 300 จุด แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานพบว่าบริษัทจดทะเบียนยังมีกำไรที่ดีและมีกระแสเงินสดค่อนข้างมาก ซึ่งปกติแล้วบริษัทเหล่านี้จะนำเงินไปซื้อหุ้นตัวเองหรือไม่ก็เล็งควบรวมกิจการ ส่งผลดีต่อราคาหุ้น โดยคาดว่าปีนี้กำไรบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐจะเติบโต 9.9% ซื้อขายที่พี/อี 15 เท่า ซึ่งหากเทียบจากพี/อีปัจจุบัน ยังมีส่วนต่างในการสร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 14% โดยบริษัทจะเปิดขายกองทุนอีทีเอฟสหรัฐประมาณวันที่ 25 ส.ค.-1 ก.ย. นี้ ตั้งเป้าผลตอบแทน 10% เช่นกัน
“หุ้นจีนและสหรัฐมีส่วนต่างในการทำกำไรมากกว่าหุ้นไทย แต่ในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจหุ้นไทยยังดีกว่า”นายศุภกร กล่าว
