ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้ 40% ของเงินออมภาคครัวเรือในประเทศ ลงทุนผ่านกองทุนรวม พบปี 53 มีบัญชีกองทุนแล้วกว่า 2.45 ล้านบัญชี เตรียมเดินหน้าจับมือสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และ 18 บลจ. ชั้นนำจัดงาน “ตลาดนัดกองทุนรวม Mutual Fund Fair @ Siam Paragon” ระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคมนี้ ชูแคมเปญ“ทั้งพอร์ตต้องกองทุนรวม” เน้นนำเสนอข้อมูลเจาะลึกกองทุนและสัมมนาเข้ม 15 หัวข้อตลอด 4 วัน ขณะที่บลจ.เตรียมส่งโปรโมชั่้นเด็ดเอาในนักลงทุนช๊อปกองทุนรวม
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนรวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ลงทุนให้ความสนใจลงทุนผ่านกองทุนรวมเพิ่มมากขึ้นโดย ณ สิ้นปี 2553 มีผู้ลงทุนในกองทุนรวมอยู่ 2.45 ล้านบัญชี โดย ณ สิ้นปี 2553 มีการลงทุนผ่านกองทุนรวมถึงร้อยละ 44 ของเงินฝากภาคครัวเรือนทั้งประเทศ ในขณะที่สัดส่วนนี้เป็นเพียงร้อยละ 11 ในปี 2543 และหากเทียบกับ GDP จะพบว่า ณ สิ้นปี 2553 ขนาดทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมคิดเป็นร้อยละ 20 ของ GDP ในขณะที่เป็นร้อยละ 7 ในปี 2543 จึงนับได้ว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ กองทุนรวมได้มีพัฒนาการจนเข้าไปมีบทบาทต่อการลงทุนของคนไทยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ประกอบกับ พรบ. สถาบันคุ้มครองเงินฝากจะเริ่มมีผลกับการฝากเงินในเดือนสิงหาคมนี้ก็จะทำให้ผู้ที่เคยฝากเงินแต่เพียงอย่างเดียวหันมาให้ความสนใจกองทุนรวมเพิ่มมากขึ้น
โดยในปีนี้โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม จึงได้ออกแคมเปญ งพอร์ตต้องกองทุนรวมเพื่อกระตุ้นให้ใช้กองทุนรวมเป็นทางเลือกบริหารเงินลงทุนเพราะมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้น กองทุนผสม กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุน ETF กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ตลอดจนกองทุน RMF และ LTF ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งจะตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนและเปิดโอกาสรับผลตอบแทนด้วยการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งภายในงานจะมีกองทุนรวมถึง 1,295 กองทุน จาก 18 บลจ. ชั้นนำให้เลือกลงทุนและมีกองทุนใหม่ที่เปิดให้จองซื้อในงานถึง 16 กองทุน” ดร. ภากรกล่าว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า บทบาทของกองทุนรวมที่ผู้ลงทุนรู้จักคือเครื่องมือที่ช่วยนำเงินลงทุนไปยังทรัพย์สินหรือตราสารต่างๆ โดยมีผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์และทำงานเต็มเวลามาดำเนินการแทนให้ และในยุคที่ตลาดการลงทุนเปิดกว้างเชื่อมต่อกันทั่วโลกอย่างทุกวันนี้ จึงมีกองทุนรวมมากมายให้เลือกลงทุนอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่เหนือสิ่งอื่นใด การจะประสบความสำเร็จจากการลงทุนในกองทุนรวมได้นั้น ผู้ลงทุนจะต้องรู้จักตนเอง รู้จักกองทุน และรู้จักเลือกลงทุนในสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองให้ได้เสียก่อน งานนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ลงทุนที่ต้องการค้นหากองทุนรวมที่เหมาะกับตนเอง โดยการมาทำแบบประเมินความเสี่ยงที่เตรียมไว้ในงานให้รู้จักระดับความเสี่ยงของตนเองและทดลองจัดพอร์ตลงทุนก่อนจะตัดสินใจ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ บลจ. มาให้คำแนะนำกับผู้ลงทุนโดยตรง
ทั้งนี้งานตลาดนัดกองทุนรวม อยู่ภายใต้โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น M ระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคม เวลา 10.00 - 20.00 น. นอกจากการเลือกลงทุนในกองทุนต่าง ๆ แล้ว ผู้ร่วมงานยังจะได้รับคำปรึกษาบริหารพอร์ตการลงทุนด้วยกองทุนรวมประเภทต่างๆ วิธีดูผลการดำเนินงานกองทุนแยกตามประเภทกองทุน ช่วงเวลา นโยบายลงทุน การจัดลำดับกองทุนยอดฮิตติดดาวที่มีผลประกอบการดี ฟังสัมมนาเจาะลึกเทคนิคการลงทุนและวิธีการบริหารพอร์ตจากผู้จัดการกองทุนถึง 15 หัวข้อ ตลอด 4 วันเต็ม พร้อมรับฟรีคู่มือการลงทุนเล่มใหม่ “DIY สร้างทั้งพอร์ตเป็นกองทุนรวม” พร้อมรับของสมนาคุณเมื่อลงทุนในงานถึง 2 ต่อ ทั้งจากโครงการฯ และจากแต่ละ บลจ. ที่ได้ระดมโปรโมชั่นพิเศษมานำเสนอภายในงานอีกด้วย
บลจ.พาเรดส่งโปรโมชั่นเด็ดเอาใจนลท.
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด มหาชน กล่าวว่า เอ็มเอฟซีได้ให้ความสำคัญกับการวางแผนการลงทุนของผู้สนใจลงทุนอย่างเหมาะสมมาโดยตลอด ซึ่งเอ็มเอฟซีมีกองทุนหลากหลายประเภทตั้งแต่ระดับความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูงมาก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้สนใจได้เลือกวางแผนลงทุนให้เหมาะสมกับความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง และลดโอกาสการขาดทุนในระดับที่เกินกว่าจะรับได้ ในโอกาสที่เอ็มเอฟซีจะเข้าร่วมออกบู้ธงาน Mutual Fund Fair จึงขอเชิญผู้สนใจลงทุนทำแบบประเมินระดับความเสี่ยงในการลงทุน (Customer Risk Profile) และรับคำแนะนำในการวางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับตนเองได้ที่บู้ธเอ็มเอฟซี
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนใดๆ ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไปจะได้รับกระเป๋าอเนกประสงค์ และเอ็มเอฟซียังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ลงทุนในกองทุนรวมของเอ็มเอฟซี 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีตราสารหนี้ระยะสั้น (MMM) เหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล อีเมอร์จิ้ง (I-Emerging) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเวลลอป มาร์เก็ต (I-Develop) เหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แอคทิฟ อิควิตี้ ฟันด์ (M-Active)และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (Hi-Div) เหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์ (I-OIL) เหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูงมาก ลงทุนตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไปรับผ้าขนหนู และลงทุนตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไปรับกระเป๋าล้อลาก
นอกจากนี้แล้ว สำหรับผู้ที่ลงทุนใน LTF หรือ RMF ของเอ็มเอฟซี จะได้รับหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด MMM ดังนี้ ลงทุนตั้งแต่ 20,000-49,999.99 บาทขึ้นไปรับ MMM 100 บาท ลงทุนตั้งแต่ 50,000-99,999.99 บาทขึ้นไปรับ MMM 300 บาท ลงทุนตั้งแต่ 100,000-199,999.99 บาทขึ้นไปรับ MMM 700 บาท ลงทุนตั้งแต่ 200,000-499,999.99 บาทขึ้นไปรับ MMM 1,600 บาท ลงทุนตั้งแต่ 500,000-999,999.99 บาทขึ้นไปรับ MMM 5,000 บาท และตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปรับสร้อยคอทองคำมูลค่า 12,500 บาท
สำหรับ บลจ. ยูโอบี ออกโปรโมชั่นสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ตั้งแต่ 50,000 - 99.999 บาท รับฟรี ร่มกัน UV สุดหรูลงทุนตั้งแต่ 100,000 - 299,999 บาท รับฟรี สมุด Organizer ลงทุนตั้งแต่ 300,000 - 499,999 บาท รับฟรี เครื่องคั้นน้ำส้ม Verasu และ 500,000 บาท ขึ้นไป รับฟรี เครื่องแยกกาก Verasu
ขณะที่โปรโมชั่นสำหรับนักลงทุนที่ลงทุน ในกองทุน UOBSD และ UOBID ตั้งแต่ 50,000 - 299,999 บาท รับฟรีถุงผ้าลดโลกร้อน และเมื่อลงทุน 300,000 บาทขี้นไป รับฟรี ร่มกัน UV สุดหรู นอกจากนี้เมื่อลงทุนในในกองทุนกลุ่ม FIF ตั้งแต่ 50,000 - 299,999 บาท รับฟรี สมุด Organizer และเมื่อลงทุนตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป รับฟรี เตารีดไอน้ำ Verasu
