บลจ.ไอเอ็นจี ยอมรับ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารลดลงประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท หลังกองทุนอสังหาฯกอง 2 และ 4 ของกลุ่มเสี่ยเจริญย้ายไปบลจ.กรุงไทย แต่มั่นใจ AUM ปีนี้โต10-15% พร้อมลุยตั้งกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเอาใจนักลงทุน
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) เติบโตประมาณ 10-15% จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ 1.3-1.4 แสนล้านบาท หลังจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน หรือกอง 2 และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (กอง 4) ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มูลค่ารวม 5-6 หมื่นล้านบาทที่ย้ายออกไปให้บลจ.อื่นบริหารจัดการในปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับปี 2552 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทเพิ่มขึ้น 8% โดยโตจากธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล ส่วนกองทุนรวมค่อนข้างนิ่งขณะที่แผนการดำเนินงานในปีนี้จะเน้นธุรกิจทั้ง 3 ประเภท ทั้งกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยในส่วนของกองทุนรวมจะออกกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ โดยอาจเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งหรือหุ้นทั่วโลก เป็นต้น หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น
“แม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น แต่ในแง่ของการทำงานของกลุ่มไอเอ็นจียังคงต้องระมัดระวังและการออกเสนอขายกองทุนใหม่ๆ ต้องผ่านการอนุมัติจากไอเอ็นจีระดับภูมิภาคก่อน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะมีผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาคเป็นผู้คัดกรองอีกที” นายต่อกล่าว
ในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นั้น หลังจากนี้จะเน้นออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไปเท่านั้น โดยอยู่ระหว่างคุยกับของสินทรัพย์ที่จะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุน ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทียูโดม (TU-PF) ก็ยังอยู่ในกระบวนการทั้งเรื่องของคดีในศาล และการเร่งก่อสร้างโครงการจะต้องเสร็จในเดือนพ.ค.นี้ตามที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทมีคนที่เข้ามาดูแลบริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์แทนชวินดา หาญรัตนกูล ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยนางสาวศิริเพ็ญ หวังดำรงเวศ ผู้อำนวยการฝ่ายกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะเป็นผู้บริหารจัดการแทน ซึ่งเรามองว่าอีกไม่นานจะมีโปรดักส์กองทุนอสังหาฯใหม่ออกมาในตลาดมากขึ้น
นายต่อ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนี้จะนำเสนอการลงทุนตามนโยบายการลงทุน (Employee choice) ให้แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้เลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ ผ่าน 5 กองทุน รวมทั้งจะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ทำตลาดบริษัทขนาดเล็กมากขึ้น ซึ่งมีพนักงานบริษัทประมาณไม่เกิน 200 คนสำหรับการแข่งขันในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังมีอยู่ต่อเนื่อง แต่บริษัทคงไม่เข้าไปแข่งราคา เพราะสู้ไม่ไหว โดยปีที่ผ่านมากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเราโต 8-9% และปีนี้ก็คงโตในระดับเดียวกับภาพรวมของบริษัท 10-15%