เมื่อความต้องการทองคำเริ่มเปลี่ยนจากการสวมใส่มาสู่รูปแบบการลงทุน ทำให้ทองคำได้รับความน่าสนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากผลตอบแทนที่สูง และยังเป็นหลักประกันความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของโลกด้วยเช่นกัน เห็นได้จากราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันราคาทองคำแท่งขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 17,000 บาท ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอันเนื่องจากมาจากความต้องการทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น
เห็นได้ชัดว่าในบ้านเราประชาชนจำนวนมากพากันไปซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไรในปีที่ผ่านมาเมื่อราคาทองลดลงมาเนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลงมา ซึ่งทำให้ช่วงหนึ่งราคาทองคำพุ่งขึ้นไปที่ระดับเกือบ 20,000 บาท ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกับทองคำในบ้านเรา และเมื่อความต้องการลงทุนในทองคำเริ่มเพิ่มมากขึ้น จนเมื่อปีที่ผ่านมาในบ้านเราได้เปิดตลาดการลงทุนในทองคำล่วงหน้า หรือ " โกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures)" ขึ้นมาซึ่งก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก....
ล่าสุดความน่าสนใจของการลงทุนในทองคำได้เข้ามาสู่รูปแบบกองทุนรวมด้วยเช่นกัน โดยที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) ได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมพิเศษที่มีนโยบายมุ่งลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง (gold fund) ซึ่ง สามารถจัดตั้งได้ทั้งในรูปกองทุนรวมที่เน้นลงทุนโดยตรงในทองคำแท่ง (physical gold fund) และกองทุนรวมอีทีเอฟทองคำ (gold ETF) ซึ่งจะนำไปจดทะเบียนให้ผู้ลงทุนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีอีทีเอฟแล้ว ทั้งหมด 3 กองมูลค่ากองทุนทั้งหมด 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนเปิดไทยเด็กซ์ เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) มูลค่า 2,500 ล้านบาท อีทีเอฟที่อ้างอิงดัชนีกลุ่มพลังงาน และอีทีเอฟที่อ้างอิงดัชนีฟุตซี่ มูลค่ากองละประมาณ 200-300 ล้านบาท ซึ่งขนาดกองทุนอีทีเอฟไทย 3 กอง คิดเป็น 0.01% เมื่อเทียบกับขนาดกองทุนอีทีเอฟทั่วโลกที่มีมูลค่าทั้งหมด 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากจำนวน 3,750 กอง จาก 40 ประเทศ โดยปี 2552 ที่ผ่านมามูลค่ากองอีทีเอฟทั่วโลกมีการเติบโตมากถึง 45% เมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอีทีเอฟยัง ได้รับความสนใจจาก ผู้ลงทุนทั่วโลก
ทั้งนี้ทางก.ล.ต.ได้กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมทองคำทั้ง 2 รูปแบบ และจะกำหนดคุณสมบัติของทองคำแท่งที่กองทุนรวมจะลงทุนเป็นทรัพย์สินได้ รวมไปถึงผู้ที่ทำหน้าที่เก็บรักษาทองคำแท่งต้องมีความสามารถและความชำนาญในการเก็บรักษาทองคำแท่งโดยต้องมีระบบงานในการเก็บรักษาทองคำแท่งที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย นอกจากนั้น gold ETF จะอนุญาตให้ทำธุรกิจให้ยืมทองคำแท่งได้ เพื่อช่วยให้กระบวนการ arbitrage ราคาระหว่างตลาดแรกและตลาดรองเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับความเห็นจากทางด้านผู้จัดการกองทุนรวมนั้นบอกว่า โดยรวมแล้วหากมีกองทุนอีทีเอฟ ทองคำ ขึ้นมา ก็จะเป็นผลดีต่อนักลงทุนที่มองหาทางเลือกจากการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนด้วยเช่นกัน โดยการออกกองทุนอีทีเอฟทองคำนั้น ทางก.ล.ต. ต้องการให้นักลงทุนได้มีทางเลือกในการลงทุนที่มากขึ้น เพราะเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นักลงทุนก็จะมองหาสินทรัพย์อื่นที่น่าลงทุนและได้ผลตอบแทนที่ดี อย่างเช่น ทองคำ เป็นต้น ซึ่งในช่วงนี้ทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงเนื่องจากตัวเลขการทางเศรษฐกิจที่ยังสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจอยู่
เชื่อว่ากองทุนอีทีเอฟทองคำน่าจะเป็นที่สนในของนักลงทุนอยู่ไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากปัจจุบันทองคำมีความต้องการมากขึ้นและในขณะเดียวกันก็ยังให้ผลตอบแทนที่มากด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นรูปแบบของการลงทุนแล้ว สิ่งที่มีอยู่เป็นตัวควบคู่กันนั่นก็คือความเสี่ยงจากการลงทุนนั่นเอง ซึ่งราคาทองคำนั้นมีความผันผวนอยู่มากอย่างที่ทราบกัน เมื่อถึงในช่วงที่มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจๆที่สำคัญ เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐฯ อเมริกา หรือนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้ตลอดเวลา และที่สำคัญราคาทองคำนั้นเคลื่อนไหนเปลี่ยนแปลงตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเป็นหลักทรัพย์ที่มีตลาดการลงทุนอยู่ในตลาดหลักๆทั่วโลก ดังนั้นทองคำจะมีความผันผวนอยู่มาก ซึ่งนักลงทุนจะต้องระมัดระวังในการลงทุนอยู่ตลอดเวลา....
เห็นได้ชัดว่าในบ้านเราประชาชนจำนวนมากพากันไปซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไรในปีที่ผ่านมาเมื่อราคาทองลดลงมาเนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลงมา ซึ่งทำให้ช่วงหนึ่งราคาทองคำพุ่งขึ้นไปที่ระดับเกือบ 20,000 บาท ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกับทองคำในบ้านเรา และเมื่อความต้องการลงทุนในทองคำเริ่มเพิ่มมากขึ้น จนเมื่อปีที่ผ่านมาในบ้านเราได้เปิดตลาดการลงทุนในทองคำล่วงหน้า หรือ " โกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures)" ขึ้นมาซึ่งก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก....
ล่าสุดความน่าสนใจของการลงทุนในทองคำได้เข้ามาสู่รูปแบบกองทุนรวมด้วยเช่นกัน โดยที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) ได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมพิเศษที่มีนโยบายมุ่งลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง (gold fund) ซึ่ง สามารถจัดตั้งได้ทั้งในรูปกองทุนรวมที่เน้นลงทุนโดยตรงในทองคำแท่ง (physical gold fund) และกองทุนรวมอีทีเอฟทองคำ (gold ETF) ซึ่งจะนำไปจดทะเบียนให้ผู้ลงทุนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีอีทีเอฟแล้ว ทั้งหมด 3 กองมูลค่ากองทุนทั้งหมด 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนเปิดไทยเด็กซ์ เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) มูลค่า 2,500 ล้านบาท อีทีเอฟที่อ้างอิงดัชนีกลุ่มพลังงาน และอีทีเอฟที่อ้างอิงดัชนีฟุตซี่ มูลค่ากองละประมาณ 200-300 ล้านบาท ซึ่งขนาดกองทุนอีทีเอฟไทย 3 กอง คิดเป็น 0.01% เมื่อเทียบกับขนาดกองทุนอีทีเอฟทั่วโลกที่มีมูลค่าทั้งหมด 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากจำนวน 3,750 กอง จาก 40 ประเทศ โดยปี 2552 ที่ผ่านมามูลค่ากองอีทีเอฟทั่วโลกมีการเติบโตมากถึง 45% เมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอีทีเอฟยัง ได้รับความสนใจจาก ผู้ลงทุนทั่วโลก
ทั้งนี้ทางก.ล.ต.ได้กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมทองคำทั้ง 2 รูปแบบ และจะกำหนดคุณสมบัติของทองคำแท่งที่กองทุนรวมจะลงทุนเป็นทรัพย์สินได้ รวมไปถึงผู้ที่ทำหน้าที่เก็บรักษาทองคำแท่งต้องมีความสามารถและความชำนาญในการเก็บรักษาทองคำแท่งโดยต้องมีระบบงานในการเก็บรักษาทองคำแท่งที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย นอกจากนั้น gold ETF จะอนุญาตให้ทำธุรกิจให้ยืมทองคำแท่งได้ เพื่อช่วยให้กระบวนการ arbitrage ราคาระหว่างตลาดแรกและตลาดรองเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับความเห็นจากทางด้านผู้จัดการกองทุนรวมนั้นบอกว่า โดยรวมแล้วหากมีกองทุนอีทีเอฟ ทองคำ ขึ้นมา ก็จะเป็นผลดีต่อนักลงทุนที่มองหาทางเลือกจากการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนด้วยเช่นกัน โดยการออกกองทุนอีทีเอฟทองคำนั้น ทางก.ล.ต. ต้องการให้นักลงทุนได้มีทางเลือกในการลงทุนที่มากขึ้น เพราะเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นักลงทุนก็จะมองหาสินทรัพย์อื่นที่น่าลงทุนและได้ผลตอบแทนที่ดี อย่างเช่น ทองคำ เป็นต้น ซึ่งในช่วงนี้ทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงเนื่องจากตัวเลขการทางเศรษฐกิจที่ยังสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจอยู่
เชื่อว่ากองทุนอีทีเอฟทองคำน่าจะเป็นที่สนในของนักลงทุนอยู่ไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากปัจจุบันทองคำมีความต้องการมากขึ้นและในขณะเดียวกันก็ยังให้ผลตอบแทนที่มากด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นรูปแบบของการลงทุนแล้ว สิ่งที่มีอยู่เป็นตัวควบคู่กันนั่นก็คือความเสี่ยงจากการลงทุนนั่นเอง ซึ่งราคาทองคำนั้นมีความผันผวนอยู่มากอย่างที่ทราบกัน เมื่อถึงในช่วงที่มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจๆที่สำคัญ เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐฯ อเมริกา หรือนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้ตลอดเวลา และที่สำคัญราคาทองคำนั้นเคลื่อนไหนเปลี่ยนแปลงตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเป็นหลักทรัพย์ที่มีตลาดการลงทุนอยู่ในตลาดหลักๆทั่วโลก ดังนั้นทองคำจะมีความผันผวนอยู่มาก ซึ่งนักลงทุนจะต้องระมัดระวังในการลงทุนอยู่ตลอดเวลา....
