ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.กสิกรไทย เดินหน้าขายกองทุนหุ้นกู้ ส่ง"กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 39 เดือน เอ" มัดใจนักลงทุน ชูผลตอบแทนระดับสูงกว่าเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาลอายุเดียวกัน พร้อมการันตีคุณภาพตราสารด้วยการเลือกลงทุนเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่เรตติ้งดีเท่านั้น
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากและพันธบัตรภาครัฐบาล บริษัทจึงเตรียมบริษัทเตรียมเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 39 เดือน เอ (KFI39MA) ในวันที่ 18-25 กุมภาพันธ์นี้
สำหรับกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนและรัฐวิสาหกิจ อายุโครงการประมาณ 3 ปี 3 เดือน ขนาดกองทุน 4,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนในประเทศสำหรับผู้ลงทุนที่มีความสามารถในการรับความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่จูงใจจากการลงทุนในระยะยาว
"หากเปรียบเทียบกับตราสารที่มีอายุใกล้เคียงกัน เช่น อัตราผลตอบแทนหลังหักภาษีร้อยละ 15 ของพันธบัตรรัฐบาลอายุประมาณ 3 ปี ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 2.21% หรือดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 ปีหลังหักภาษี ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.49% นั้น คาดว่ากองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 39 เดือน เอ (KFI39MA) จะให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า นอกจากนี้ ผลตอบแทนสำหรับผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดา ยังไม่ต้องนำไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้อีกด้วย"นางสาวยุพาวดีกล่าว
นางสาวยุพาวดี กล่าวต่อว่า กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 39 เดือน เอ เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว เพื่อให้ผู้ลงทุนคลายความกังวล บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการคัดสรรตราสารหนี้เอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment grade และให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจในระยะยาว
สำหรับตราสารที่ บลจ. กสิกรไทย คาดว่าจะลงทุนในเบื้องต้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัทในกลุ่มธุรกิจขนส่งและคมนาคม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ตลอดจนบริษัทผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ อาทิ หุ้นกู้ของบริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮาส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) บริษัทเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
"ตอนนี้ข้อมูลจาก Bloomberg เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2553 หุ้นกู้ของบริษัทที่เราจะลงทุนได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของผู้ออกตราสาร โดย ทริส เรทติ้ง ที่ A / A- / A- / A- และ BBB+ ตามลำดับ ผู้ลงทุนที่ต้องการล็อคเงินเข้าลงทุนในระยะยาวในกองทุนดังกล่าวจึงสามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของตราสาร อย่างไรก็ตาม ตราสารที่จะลงทุนอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวการณ์ที่เหมาะสม“ นางสาวยุพาวดีกล่าว
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากและพันธบัตรภาครัฐบาล บริษัทจึงเตรียมบริษัทเตรียมเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 39 เดือน เอ (KFI39MA) ในวันที่ 18-25 กุมภาพันธ์นี้
สำหรับกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนและรัฐวิสาหกิจ อายุโครงการประมาณ 3 ปี 3 เดือน ขนาดกองทุน 4,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนในประเทศสำหรับผู้ลงทุนที่มีความสามารถในการรับความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่จูงใจจากการลงทุนในระยะยาว
"หากเปรียบเทียบกับตราสารที่มีอายุใกล้เคียงกัน เช่น อัตราผลตอบแทนหลังหักภาษีร้อยละ 15 ของพันธบัตรรัฐบาลอายุประมาณ 3 ปี ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 2.21% หรือดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 ปีหลังหักภาษี ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.49% นั้น คาดว่ากองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 39 เดือน เอ (KFI39MA) จะให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า นอกจากนี้ ผลตอบแทนสำหรับผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดา ยังไม่ต้องนำไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้อีกด้วย"นางสาวยุพาวดีกล่าว
นางสาวยุพาวดี กล่าวต่อว่า กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 39 เดือน เอ เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว เพื่อให้ผู้ลงทุนคลายความกังวล บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการคัดสรรตราสารหนี้เอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment grade และให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจในระยะยาว
สำหรับตราสารที่ บลจ. กสิกรไทย คาดว่าจะลงทุนในเบื้องต้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัทในกลุ่มธุรกิจขนส่งและคมนาคม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ตลอดจนบริษัทผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ อาทิ หุ้นกู้ของบริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮาส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) บริษัทเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
"ตอนนี้ข้อมูลจาก Bloomberg เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2553 หุ้นกู้ของบริษัทที่เราจะลงทุนได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของผู้ออกตราสาร โดย ทริส เรทติ้ง ที่ A / A- / A- / A- และ BBB+ ตามลำดับ ผู้ลงทุนที่ต้องการล็อคเงินเข้าลงทุนในระยะยาวในกองทุนดังกล่าวจึงสามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของตราสาร อย่างไรก็ตาม ตราสารที่จะลงทุนอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวการณ์ที่เหมาะสม“ นางสาวยุพาวดีกล่าว