ASTVผู้จัดการรายวัน - ก.ล.ต. ร่อนหนังสือเวียน กำชับ บลจ. ตั้งชื่อกองทุนให้สอดคล้องกับนโยบายลงทุน ย้ำต้องไม่สร้างความสับสนให้ลูกค้า หลังพบแอบลักไก่ ตั้งกองทุนที่ไม่สะท้อนแผนการลงทุนจริง
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ได้ออกหนังสือเวียนถึงบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งชื่อกองทุนรวมและการกำหนดนโยบายการลงทุนของกองทุน ทั้งนี้ เนื่องจากระยะที่ผ่านมา มีบริษัทจัดการบางแห่งตั้งชื่อและกำหนดนโยบายการลงทุนของกองทุนที่ไม่สะท้อนแผนการลงทุนจริงของกองทุน ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนเกิดความเข้าใจผิดในสาระการลงทุนของกองทุนได้ เช่น ตั้งชื่อเป็นกองทุนเปิดพันธบัตรและตราสารหนี้ภาคธนาคาร แต่เน้นลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารหนี้ภาคธนาคาร โดยแทบจะไม่มีการลงทุนในพันธบัตรเลย เป็นต้น
นอกจากนี้ ในการกำหนดนโยบายการลงทุนของกองทุน บริษัทจัดการบางแห่งมักจะกำหนดนโยบายการลงทุนแบบกว้างเพื่อให้ครอบคลุมทรัพย์สินทุกประเภทที่ประกาศอนุญาตเพื่อความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการกองทุน แต่การกำหนดนโยบายแบบกว้างดังกล่าว อาจทำให้นโยบายการลงทุนไม่ชัดเจน ส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดข้อมูลที่สำคัญในการตัดสินใจลงทุน รวมทั้งทำให้การกำหนดตัวชี้วัด อาจไม่สะท้อนแผนการลงทุนจริงของกองทุนได้
ดังนั้น สำนักงานจึงขอให้บริษัทจัดการให้ความสำคัญและระมัดระวัง โดยได้ชี้แจงวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง 2 ประเด็น คือ การตั้งชื่อกองทุน ซึ่งระบุเอาไว้ว่า ในกรณีที่บริษัทจัดการต้องการตั้งชื่อกองทุนตามนโยบายการลงทุน บริษัทจัดการต้องตั้งชื่อกองทุนให้สะท้อนแผนการลงทุนหลักของกองทุน โดยต้องไม่มีข้อความที่อาจทำให้ผู้ลงทุนเกิดความเข้าใจผิดในสาระการลงทุนของกองทุน เช่น การตั้งชื่อกองทุนตามนโยบายที่เน้นการลงทุนในทรัพย์สินประเภทใดประเภทหนึ่ง บริษัทจัดการต้องลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าวโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และหากมีนโยบายเน้นการลงทุนในทรัพย์สิน 2 ประเภท บริษัทจัดการต้องลงทุนในทรัพย์สินแต่ละประเภท โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 40% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
ในส่วนของการกำหนดนโยบายลงทุน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในนโยบายการลงทุน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในการใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน สำนักงานเห็นควรให้แบ่งแยกระหว่างนโยบายการลงทุนหลัก และการลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อรอจังหวะการลงทุน หรือเป็นตัวเสริมผลตอบแทนการลงทุน โดยในส่วนการลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมนั้น บริษัทจัดการอาจกำหนดให้ครอบคลุมทรัพย์สินทุกประเภทที่ประกาศอนุญาตให้กองทุนลงทุนหรือมีไว้ และอาจสงวนสิทธิในการเพิ่มประเภททรัพย์สินที่กองทุนลงทุนตามที่สำนักงานประกาศเพิ่มเติมได้
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ได้ออกหนังสือเวียนถึงบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งชื่อกองทุนรวมและการกำหนดนโยบายการลงทุนของกองทุน ทั้งนี้ เนื่องจากระยะที่ผ่านมา มีบริษัทจัดการบางแห่งตั้งชื่อและกำหนดนโยบายการลงทุนของกองทุนที่ไม่สะท้อนแผนการลงทุนจริงของกองทุน ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนเกิดความเข้าใจผิดในสาระการลงทุนของกองทุนได้ เช่น ตั้งชื่อเป็นกองทุนเปิดพันธบัตรและตราสารหนี้ภาคธนาคาร แต่เน้นลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารหนี้ภาคธนาคาร โดยแทบจะไม่มีการลงทุนในพันธบัตรเลย เป็นต้น
นอกจากนี้ ในการกำหนดนโยบายการลงทุนของกองทุน บริษัทจัดการบางแห่งมักจะกำหนดนโยบายการลงทุนแบบกว้างเพื่อให้ครอบคลุมทรัพย์สินทุกประเภทที่ประกาศอนุญาตเพื่อความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการกองทุน แต่การกำหนดนโยบายแบบกว้างดังกล่าว อาจทำให้นโยบายการลงทุนไม่ชัดเจน ส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดข้อมูลที่สำคัญในการตัดสินใจลงทุน รวมทั้งทำให้การกำหนดตัวชี้วัด อาจไม่สะท้อนแผนการลงทุนจริงของกองทุนได้
ดังนั้น สำนักงานจึงขอให้บริษัทจัดการให้ความสำคัญและระมัดระวัง โดยได้ชี้แจงวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง 2 ประเด็น คือ การตั้งชื่อกองทุน ซึ่งระบุเอาไว้ว่า ในกรณีที่บริษัทจัดการต้องการตั้งชื่อกองทุนตามนโยบายการลงทุน บริษัทจัดการต้องตั้งชื่อกองทุนให้สะท้อนแผนการลงทุนหลักของกองทุน โดยต้องไม่มีข้อความที่อาจทำให้ผู้ลงทุนเกิดความเข้าใจผิดในสาระการลงทุนของกองทุน เช่น การตั้งชื่อกองทุนตามนโยบายที่เน้นการลงทุนในทรัพย์สินประเภทใดประเภทหนึ่ง บริษัทจัดการต้องลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าวโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และหากมีนโยบายเน้นการลงทุนในทรัพย์สิน 2 ประเภท บริษัทจัดการต้องลงทุนในทรัพย์สินแต่ละประเภท โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 40% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
ในส่วนของการกำหนดนโยบายลงทุน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในนโยบายการลงทุน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในการใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน สำนักงานเห็นควรให้แบ่งแยกระหว่างนโยบายการลงทุนหลัก และการลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อรอจังหวะการลงทุน หรือเป็นตัวเสริมผลตอบแทนการลงทุน โดยในส่วนการลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมนั้น บริษัทจัดการอาจกำหนดให้ครอบคลุมทรัพย์สินทุกประเภทที่ประกาศอนุญาตให้กองทุนลงทุนหรือมีไว้ และอาจสงวนสิทธิในการเพิ่มประเภททรัพย์สินที่กองทุนลงทุนตามที่สำนักงานประกาศเพิ่มเติมได้
