xs
xsm
sm
md
lg

แนะชิงจังหวะซื้อกองทองคำ มั่นใจอนาคตยังปรับขึ้นได้อีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คาดทองคำยังน่าลงทุนระยะยาว แม้ราคาปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา พร้อมแนะนักลงทุนชิงจังหวะลงทุนก่อนราคาปรับตัวขึ้น ด้านบลจ.ทหารไทยชี้ อีทีเอฟทองคำเหมาะกับนักเก็งกำไรระยะสั้นมากว่า ขณะที่กสิกรไทย เชื่อราคาทองคำปีนี้จะอยู่ในระดับ 1,250 – 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์


รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำปี 2553 นั้น ศูนย์วิจัยของธนาคารกสิกรไทยคาดว่าจะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 1,250 – 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,100 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน

ทั้งนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาจึงทำให้ดัชนีของกลุ่ม Commodity ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง รวมถึงการขายเพื่อทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปีหรือช่วงก่อนเทศกาลที่เป็นวันหยุดยาว

ทำให้ราคาทองที่ทำสถิติใหม่ทะลุ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ปรับตัวลดลงมาอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 1,100 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในระยะยาว นักวิเคราะห์หลายสำนักยังเชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าเนื่องจาก ประเทศยังบอบช้ำกับวิกฤตเศรษฐกิจในรอบปีที่ผ่านมาและยังคงมีปัญหาพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไข

เห็นได้จากอัตราหนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงตัวเลขการขาดดุลจากการใช้จ่ายของภาครัฐสำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยสถาการณ์ที่เกิดขึ้น บลจ.กสิกรไทยมองว่า น่าจะเป็นโอกาสในการลงทุนกองทุนเปิดเค โกลด์ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก อ้างอิงราคาซื้อขายหน่วยลงทุนที่ตลาดสิงคโปร์

การตัดสินใจของนักลงทุนสะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลกได้ใกล้เคียงที่สุด และมีนโยบายปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน ทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจบนราคาทองคำเป็นหลัก

นอกจากนี้ การลงทุนยังข้อดีกว่าการเก็บซื้อทองคำแท่งไว้เอง เนื่องจากมีต้นทุนในการเก็บรักษา และเรื่องความปลอดภัย อีกทั้งคุณภาพของทองคำขึ้นอยู่กับร้านค้าที่ซื้อ

โดยที่ราคาซื้อขายจะใช้ราคาทองคำในประเทศตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ (มีส่วนของราคาทองคำในตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยนรวมอยู่ด้วย)

ส่วนการลงทุนใน K-GOLD จะลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งจะลงทุนในทองคำโดยตรง เช่นเดียวกัน แต่จะไม่มีต้นทุนในเก็บรักษาเหมือนลงทุนในทองคำแท่งและใช้เงินลงทุนขั้นต่ำแค่ 10,000 บาทเท่านั้นก็สามารถลงทุนได้ ซึ่งต่ำกว่าทองคำแท่งค่อนข้างมาก

และหากลงทุนในช่วงค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนใน K-GOLD จะให้อัตราผลตอบที่ดีกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง ในทางกลับกันหากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราผลตอบแทนของกองทุนจะต่ำกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง

ด้าน นายพิพัฒน์ พิศณุวงรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายจัดการลงทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวถึง เรื่องของการออกอีทีเอฟทองคำ ว่าอีทีเอฟทองคำกำลังจะออกมานั้นมองว่าเหมาะกับนักลงทุนที่ชอบเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่า ขณะที่นักลงทุนระยะยาวอาจเลือกทุนในกองทุนทองคำที่มีอยู่แล้วได้

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในปีนี้มองว่าน่าจะยังไปได้ต่อ แม้ระยะสั้นอาจจะปรับตัวลดลงมาก็ตาม โดยมองว่า 1,200 เหรียญ/ออนซ์มีโอกาสเห็น และหากหลายๆ ประเทศมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง

การลงทุนในทองคำอยู่ในพอร์ตประมาณ 10-15% ของพอร์ตน่าจะเหมาะสม อีกทั้งมองว่าปัจจุบันกองทุนอีทีเอฟทองคำมีเม็ดเงินลงทุนในทองคำค่อนข้างมากจึงยังเป็นกลุ่มที่ผลักดันให้ราคายังมีความน่าสนใจอยู่

ส่วนผลการดำเนินงานของ กองทุนเปิดทหารไทยโกลด์ฟันด์ที่บริษัทดูแลอยู่ พบว่า กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -3.04% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 9.53% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 11.06%

ในขณะที่ดัชนีราคาทองคำในตลาด New York (สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -2.23% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 12.89% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 20.52% ตามลำดับ ด้านดัชนีราคาทองคำในตลาดทองคำแท่งประเทศไทย (สกุลเงินบาท) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -2.30% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 10.39% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 15.25% ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น