xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.พร้อมใจจ่ายปันผลLTFดึงเงินปลายปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนแอลทีเอฟกำไรหุ้น พร้อมใจจ่ายปันผลดึงเงินช่วงปลายปี เอวายเอฟ จ่ายกองหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล หน่วยลงทุนละ 0.6000 บาท ขณะที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ จ่ายกองไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 ในอัตราหน่วยละ 0.3750 บาท
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด รายงานว่า กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล (AYFLTFDIV) กองทุนแอลทีเอฟภายใต้การบริหารของบริษัท จะจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบบัญชี 1 ต.ค. 51 – 30 ก.ย. 52 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 10 พ.ย. 52 โดยจะจ่ายเงินปันผลประมาณ 0.6000 บาทต่อหน่วยในวันที่ 19 พ.ย. 52
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว กองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลดีและหุ้นที่มีราคาหลักทรัพย์ตามราคาตลาดต่ำถึงปานกลาง และกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)
โดยพอร์ตการลงทุนล่าสุด 10 อันดับแรกของหลักทรัพย์ที่ลงทุน (ณ วันที่ 30 ก.ย. 2552) ประกอบด้วย บมจ. ซีพี ออลล์ 14.01% บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป 13.70% บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 11.11% บมจ.บีอีซี เวิลด์ 8.61% บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 5.95% บมจ.เอ็ม บี เค 5.91% บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ 5.08% บมจ.สยามแม็คโคร 4.96% บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล 4.89% กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท 4.73%
ด้านรายงานข่าวจาก.บลจ. ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะบริษัทจัดการกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 26 ตุลาคม 2552 ในอัตราหน่วยละ 0.375 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 27 ตุลาคม 2552 และกำหนดจ่ายเงินปันผลสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฎ ณ วันปิดสมุดทะเบียนดังกล่าวในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552
ทั้งนี้ กองทุนไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 ได้จ่ายเงินปันผลทั้งหมดรวม 7 ครั้ง รวมเงิน 1.3450 บาท ครั้งที่ 1. ในอัตราหน่วยละ 0.1600 บาท ครั้งที่ 2. หน่วยละ 0.1500 บาท ครั้งที่ 3. หน่วยละ 0.1800 บาท  ครั้งที่ 4. หน่วยละ 0.1800 บาท ครั้งที่ 5. หน่วยละ0.1500 บาท ครั้งที่ 6. หน่วยละ 0.1500 บาท และล่าสุดครั้งที่ 7.  จ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยละ  0.3750 บาท
ส่วนพอร์ตลงทุนสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2552 พบว่าหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บมจ.ปตท. / PTT ประมาณ1,465.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10.43% 2. บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม / PTTEP ประมาณ1,021.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 7.28% 3. บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ / SCB ประมาณ 724.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.16% 4. บมจ.ธนาคารกรุงเทพ / BBL ประมาณ637.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.54% และ 5. บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส / ADVANC ประมาณ 589.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.20%
กำลังโหลดความคิดเห็น