บลจ.อเบอร์ดีน เผย 8 เดือน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพโตขึ้น 22% เม็ดเงินจากลูกค้าเดิมไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่า 300 ล้านบาท ชูจุดแข็ง เปิดช่องลงทุนหาผลตอบแทนในต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าให้ความรู้นักลงทุนต่อเนื่อง
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ของบริษัทว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงเดือนสิงหาคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทมีขนาดโตขึ้นมา 300 กว่าล้านบาท หรือ 22.2% เนื่องจากได้รับความสนใจจากลูกค้าของบริษัทที่ลงทุนอยู่ แม้ว่าจะไม่มีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นมาแต่อย่างใดโดยบริษัทยังคงเดินหน้าให้ความรู้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
โดยในขณะนี้ บริษัทกำลังศึกษาถึงเรื่องของลูกค้าที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องเป็นลูกค้าที่จะต้องมีความเข้าใจถึงนโยบายการบริหารงานของบริษัทรวมถึงต้องเป็นลูกค้าที่มีความสนใจในการลงทุนในหุ้นด้วยเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.อเบอร์ดีนลงทุนอยู่ในพันธบัตร
ทั้งนี้ ข้อดีก็คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.อเบอร์ดีน สามารถลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ได้ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งของนักลงทุน เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มไม่ต้องการให้เงินลงทุนของตนเองลงทุนอยู่ในตลาดไทยเท่านั้น เพราะมองว่าควรมีการลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆบ้าง เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง รวมทั้งเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี
"นักลงทุนไม่ต้องการลงทุนให้เงินลงทุนของตนเองลงทุน อยู่ในเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น เราจึงให้มีการเข้าไปลงทุนในกองทุน FIF ได้ เพื่อเป็นทางเลืกให้แก่นักลงทุน" นายชัยเกษม กล่าว
นายชัยเกษม ยังกล่าวต่อว่า ทางบริษัทยังคงออกไปให้ความรู้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของนโยบายการลงทุนของบริษัท โดยมีผู้จัดการกองทุนของอเบอร์ดีนทั้งในและต่างประเทศเป็นผู้บริหารกองทุนอยู่ ซึ่งถือเป็นข้อดีที่ลูกค้าสามารถมั่นใจในการลงทุนได้ เพราะลูกค้าสามารถพูดคุยสอบถามกับผู้บริหารได้โดยตรง
สำหรับแนวโน้มการลงทุนและภาวะตลาดหุ้นของไทยนั้น มองว่าเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยในระยะที่ผ่านมานี้นักลงทุนเริ่มย้ายเงินลงทุนจากตราสารหนี้ไปลงทุนในหุ้นมากขึ้น เพราะสัญญาณทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยในส่วนของบลจ.อเบอร์ดีนที่ยังคงให้ความสนใจอยู่คือ การลงทุนในเอเชียแปซิฟิกและตลาดเกิดใหม่ ซึ่งบลจ.อเบอร์ดีนมีกองทุนที่รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ของบริษัทว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงเดือนสิงหาคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทมีขนาดโตขึ้นมา 300 กว่าล้านบาท หรือ 22.2% เนื่องจากได้รับความสนใจจากลูกค้าของบริษัทที่ลงทุนอยู่ แม้ว่าจะไม่มีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นมาแต่อย่างใดโดยบริษัทยังคงเดินหน้าให้ความรู้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
โดยในขณะนี้ บริษัทกำลังศึกษาถึงเรื่องของลูกค้าที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องเป็นลูกค้าที่จะต้องมีความเข้าใจถึงนโยบายการบริหารงานของบริษัทรวมถึงต้องเป็นลูกค้าที่มีความสนใจในการลงทุนในหุ้นด้วยเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.อเบอร์ดีนลงทุนอยู่ในพันธบัตร
ทั้งนี้ ข้อดีก็คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.อเบอร์ดีน สามารถลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ได้ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งของนักลงทุน เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มไม่ต้องการให้เงินลงทุนของตนเองลงทุนอยู่ในตลาดไทยเท่านั้น เพราะมองว่าควรมีการลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆบ้าง เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง รวมทั้งเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี
"นักลงทุนไม่ต้องการลงทุนให้เงินลงทุนของตนเองลงทุน อยู่ในเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น เราจึงให้มีการเข้าไปลงทุนในกองทุน FIF ได้ เพื่อเป็นทางเลืกให้แก่นักลงทุน" นายชัยเกษม กล่าว
นายชัยเกษม ยังกล่าวต่อว่า ทางบริษัทยังคงออกไปให้ความรู้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของนโยบายการลงทุนของบริษัท โดยมีผู้จัดการกองทุนของอเบอร์ดีนทั้งในและต่างประเทศเป็นผู้บริหารกองทุนอยู่ ซึ่งถือเป็นข้อดีที่ลูกค้าสามารถมั่นใจในการลงทุนได้ เพราะลูกค้าสามารถพูดคุยสอบถามกับผู้บริหารได้โดยตรง
สำหรับแนวโน้มการลงทุนและภาวะตลาดหุ้นของไทยนั้น มองว่าเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยในระยะที่ผ่านมานี้นักลงทุนเริ่มย้ายเงินลงทุนจากตราสารหนี้ไปลงทุนในหุ้นมากขึ้น เพราะสัญญาณทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยในส่วนของบลจ.อเบอร์ดีนที่ยังคงให้ความสนใจอยู่คือ การลงทุนในเอเชียแปซิฟิกและตลาดเกิดใหม่ ซึ่งบลจ.อเบอร์ดีนมีกองทุนที่รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว