xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ คลายทุกข์ ยุควิกฤต
โดย White Cow (wc2552@gmail.com)


คำถาม เห็นข่าวตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่ง มีดัชนีที่ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ย้อนหลังกันในระดับ 10 ปีขึ้น ไม่ทราบว่าแล้วดัชนี SET ของบ้านเรา จะเป็นอย่างไรบ้างครับ

คำตอบ ข้อมูลล่าสุด เมื่อคืนวันจันทร์ ดัชนีดาวน์โจนส์ (DJIA) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ได้ลดลงไปปิดที่ 6,547.05 ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 12 ปี เช่นเดียวกับดัชนีนิกเกอิของตลาดหุ้นโตเกียวที่ทำสถิติต่ำสุดในรอบกว่า 26 ปีที่ระดับ 7,086.03 สำหรับดัชนี SET ของบ้านเราก็ปิดไปที่ 411.27 นับได้ว่าตลาดหุ้นบ้านเราแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯและญี่ปุ่น เพราะดัชนี SET เพิ่งจะทำสถิติต่ำสุดในรอบ 6 ปีเท่านั้น เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2551 ระหว่างวันที่ระดับ 380.05

บทวิเคราะห์ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนี SET เคลื่อนตัวอยู่ในช่วงแคบๆ ระหว่าง 427 – 447 จุด โดยตอนแรกดูเหมือนจะมีโอกาสที่จะผ่านจุดต้านแรกที่ให้ไว้ 447 จุดในช่วงสัปดาห์แรกตามที่ได้เขียนไว้ในบทความฉบับวันที่ 11 ก.พ. แต่สุดท้ายก็ไม่มีแรงมากพอที่จะผ่านในจุดดังกล่าวได้ หลังจากนั้นก็ซึมมาตลอดเดือน จนล่าสุดดัชนี SET ได้ลดลงจนหลุดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 8 วัน (430 จุด) เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมทั้งค่า Value at Risk (VaR) รายวัน ณ ระดับความเชื่อมั่น 95% ด้วยวิธี Historical Simulation ของ SET Index ได้ขยับตัวสูงขึ้นอีกครั้งมาอยู่ที่ 3.21% และของ SET50 Index เท่ากับ 3.70% (สถิติสูงสุดอีกครั้งในรอบ 6 ปี)

นอกจากนั้น หากดูกราฟทางด้านเทคนิครายสัปดาห์ประกอบ ตามรูป ตัวชี้วัด Modified Stochastic สัญญาณ %K เพิ่งจะตัดค่าเฉลี่ย %D ลงในสัปดาห์แรกของเดือน มี.ค. ฉะนั้น ดัชนี SET น่าจะยังมีแนวโน้มลดลงได้ต่อเนื่องไปอีกไม่ต่ำกว่า 1 – 2 เดือน ยิ่งกว่านั้นถ้าพิจารณาตัวชี้วัด MACD Oscillator ซึ่งสูงสุดที่ระดับ 12.76 เมื่อสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. 52 และลดลงมาตลอด 2 เดือนกว่า ล่าสุดมาอยู่ที่ระดับ 3.77 โดยคาดว่าหากค่าดังกล่าวลดลงจนต่ำกว่าค่าศูนย์ภายใน 1 – 2 สัปดาห์นี้ ดัชนี SET จะลดลงอย่างแรงอีกครั้งซึ่งน่าจะลงไปทดสอบที่ระดับ 380 จุด

สำนวนวันนี้ ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด – ปริญญาบัตรเป็นสิ่งที่หลายท่านใฝ่ฝันที่จะได้มาครอบครอง โดยเฉพาะผู้ปกครองของนักเรียนนักศึกษาทั้งหลายที่อยากจะเห็นลูกหลานของตนได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรสักครั้ง เพราะในอดีตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเป็นผู้พระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตนักศึกษาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ท่านเอง ข้าพระพุทธเจ้าเองก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าวด้วย ยังคงมีความปลาบปลื้มอยู่ในใจเสมอมา สำหรับสำนวนที่ยกมาในวันนี้เพียงเพื่อไว้คอยเตือนใจรุ่นน้องๆ ทั้งหลายว่า การศึกษาเฉพาะในตำราไม่เพียงพอ ประสบการณ์ในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ รวมทั้งการเรียนรู้จากพี่ๆ ในที่ทำงานก็สำคัญมาก อย่าทะนงตัวว่าข้านี้แน่จบมาจากมหาวิทยาลัยมีชื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่จำเป็นที่จะต้องฟังคำแนะนำจากใครเลย การทำงานเป็นทีมสำหรับบ้านเราจำเป็นมาก เพราะไม่ค่อยมีสอนกันมากนักในสมัยเรียน คนไทยมักจะเก่งแบบข้ามาคนเดียว แต่หลายครั้งที่ผลสำเร็จของงานจำเป็นจะต้องมาจากเพื่อนร่วมงานอื่นๆ อีกมากในบริษัท จึงขอฝากไว้ว่าอย่าทำตัวจนให้ผู้อื่นว่าได้ว่า มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด

ของฝาก ผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เป็นดังต่อไปนี้
ดอกเบี้ยออมทรัพย์ 0.50%-0.75% ต่อปี หรือได้ประมาณ 0.08%-0.125%
ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน 1.00%-1.75% ต่อปี หรือได้ประมาณ 0.17%-0.29%
พันธบัตรอายุ 1 ปี 0.86%
พันธบัตรอายุ 2 ปี 1.09%
พันธบัตรอายุ 5 ปี -1.92%
ตลาดหุ้น SET -4.09%
ตลาดทองคำแท่ง 13.9%
ภาวะการลงทุนยังคงค่อนข้างผันผวน ผู้ที่ลงทุนในตลาดหุ้นและพันธบัตรอายุ 5 ปี เกิดขาดทุนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านไปถึง 4.09% และ 1.92% ตามลำดับ สำหรับผู้ฝากเงินที่ไม่นิยมความเสี่ยงก็ได้รับผลตอบแทนค่อนข้างน้อยและยังมีแนวโน้มลดลงต่อไปตามอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มติดลบ ส่วนผู้นิยมความเสี่ยงที่ลงทุนในทองคำแท่งก็รับผลตอบแทนไปแบบเต็มๆ 13.9% ด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าไป 3.8%ในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่าลืมคำเตือนที่ได้ให้ไว้เกี่ยวกับการลงทุนในทองคำเมื่อฉบับวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยกราฟของราคาทองคำมีรูปแบบคล้ายๆ ของดัชนี SET มาก ลองพิจารณาดูประกอบด้วยก็ดีเหมือนกันนะคะ
กำลังโหลดความคิดเห็น