บลจ.ธนชาต เตรียมปลดล็อกกองทุนที่ไม่ถึง 50 ล้านบาท อีก 7 กองทุน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้แก่กองทุน และสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ลูกค้าที่ชื่นชอบ แม้ขนาดกองทุนอาจเล็ก และถือเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน
นางสาวทิพวัลย์ เอี่ยมโอภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้แก้ไขรายละเอียดโครงการกองทุนรวมภายใต้การจัดการเพื่อให้สอดคล้องตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ในส่วนของยกเลิกเหตุของการเลิกกองทุนรวมเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนที่ขายได้แล้วทั้งหมดโดยคำนวณตามมูลค่าที่ตราไว้ของหน่วยลงทุนลดลงเหลือน้อยกว่า 50 ล้านบาท เป็นเวลา 5 วันทำการซื้อขายหน่วยลงทุนติดต่อกัน หรือ 30 ล้านบาทในวัน ทำการใด
และ 2. กำหนดเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการในกรณีที่กองทุนรวมมีมูลค่าลดลงน้อยกว่า 50 ล้านบาท โดยจะคำนวณตามมูลค่าที่ตราไว้ของหน่วยลงทุน เพื่อให้สอดคล้องตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่อ้างถึงด้วย ทั้งนี้รายชื่อกองทุนที่แก้ไขซึ่งการแก้ไขรายละเอียดโครงการกองทุนดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กองทุนที่บริษัทจะทำการแก้ไขมีด้วยกัน 7 กองทุน ซึ่งกองทุนที่ต้องแก้ไขตามข้อ 1. มีดังนี้ 1. กองทุนเปิดเกษมทรัพย์ปันผล (KSD) 2. กองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล (LTFD) 3. กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3 (TGOV3M3) 4. กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#1 (TFIX-3M#1) 5. กองทุนเปิดธนชาติ Big Cap หุ้นระยะยาว (BigCapLTF) 6. กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน #4 (TFIX-3M#4) ส่วนกองที่ 7 กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน #6 (TFIX-3M#6) ไม่ต้องแก้ไขตามข้อ 1.
นางสาวทิพวัลย์ กล่าวว่า จากการที่กฎก.ล.ต.เดิมนั้นเมื่อกองทุนที่ต่ำกว่าเกณฑ์ 30 ล้านบาท ทางก.ล.ต. นั้นให้กองทุนต้องทำการปิดกองทุนไปเลย แต่หลังจากที่ก.ล.ต.ได้มีการผ่อนคลายกับกองทุนที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยให้บริษัทเป็นผู้พิจารณาในกองทุนที่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทเองว่าจะบริหารต่อไปหรือจะปิดโครงการลง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีแก่นักลงทุนด้วย เพราะเมื่อกองทุนนั้นให้ผลตอบแทนที่ต่ำและกลับมาให้ผลตอบแทนที่สูงในตอนหลัง นักลงทุนก็ยังสามารถกลับเข้ามาลงทุนได้ ซึ่งในส่วนของบลจ.ธนชาต มีกองทุนที่ได้รับการอนุมัติจากก.ล.ต.แล้วจำนวน 30 โครงการ
“หลังจากที่ก.ล.ต. ได้มีการผ่อนคลายให้กับกองทุนที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับนักลงทุน ทั้งนี้บริษัทจะทำการทยอยแก้ไขในกองทุนตราสารหนี้ไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัวด้วย” นางสาว ทิพยวัลย์ กล่าว
นางสาวทิพวัลย์ เอี่ยมโอภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้แก้ไขรายละเอียดโครงการกองทุนรวมภายใต้การจัดการเพื่อให้สอดคล้องตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ในส่วนของยกเลิกเหตุของการเลิกกองทุนรวมเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนที่ขายได้แล้วทั้งหมดโดยคำนวณตามมูลค่าที่ตราไว้ของหน่วยลงทุนลดลงเหลือน้อยกว่า 50 ล้านบาท เป็นเวลา 5 วันทำการซื้อขายหน่วยลงทุนติดต่อกัน หรือ 30 ล้านบาทในวัน ทำการใด
และ 2. กำหนดเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการในกรณีที่กองทุนรวมมีมูลค่าลดลงน้อยกว่า 50 ล้านบาท โดยจะคำนวณตามมูลค่าที่ตราไว้ของหน่วยลงทุน เพื่อให้สอดคล้องตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่อ้างถึงด้วย ทั้งนี้รายชื่อกองทุนที่แก้ไขซึ่งการแก้ไขรายละเอียดโครงการกองทุนดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กองทุนที่บริษัทจะทำการแก้ไขมีด้วยกัน 7 กองทุน ซึ่งกองทุนที่ต้องแก้ไขตามข้อ 1. มีดังนี้ 1. กองทุนเปิดเกษมทรัพย์ปันผล (KSD) 2. กองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล (LTFD) 3. กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3 (TGOV3M3) 4. กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#1 (TFIX-3M#1) 5. กองทุนเปิดธนชาติ Big Cap หุ้นระยะยาว (BigCapLTF) 6. กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน #4 (TFIX-3M#4) ส่วนกองที่ 7 กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน #6 (TFIX-3M#6) ไม่ต้องแก้ไขตามข้อ 1.
นางสาวทิพวัลย์ กล่าวว่า จากการที่กฎก.ล.ต.เดิมนั้นเมื่อกองทุนที่ต่ำกว่าเกณฑ์ 30 ล้านบาท ทางก.ล.ต. นั้นให้กองทุนต้องทำการปิดกองทุนไปเลย แต่หลังจากที่ก.ล.ต.ได้มีการผ่อนคลายกับกองทุนที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยให้บริษัทเป็นผู้พิจารณาในกองทุนที่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทเองว่าจะบริหารต่อไปหรือจะปิดโครงการลง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีแก่นักลงทุนด้วย เพราะเมื่อกองทุนนั้นให้ผลตอบแทนที่ต่ำและกลับมาให้ผลตอบแทนที่สูงในตอนหลัง นักลงทุนก็ยังสามารถกลับเข้ามาลงทุนได้ ซึ่งในส่วนของบลจ.ธนชาต มีกองทุนที่ได้รับการอนุมัติจากก.ล.ต.แล้วจำนวน 30 โครงการ
“หลังจากที่ก.ล.ต. ได้มีการผ่อนคลายให้กับกองทุนที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับนักลงทุน ทั้งนี้บริษัทจะทำการทยอยแก้ไขในกองทุนตราสารหนี้ไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัวด้วย” นางสาว ทิพยวัลย์ กล่าว
