ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.นครหลวงไทย จ่ายปันผล "กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เออร์บานา" ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.222 บาท จากผลการดำเนินงานรอบไตรมา 4 ปี 2551 ด้านผู้ถือหน่วยเฮรับ 4 มี.ค.นี้
นางสุธิดา สุริโยดร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เออร์บานา (URBNPF) จะทำการจ่ายเงินปันผลของกองทุนจากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.222 บาท โดยบริษัทฯกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 18 มีนาคม 2552 โดยจะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 4 มีนาคม 2552
ทั้งนี้ บลจ.นครหลวงไทย ได้ผลการการดำเนินงานของกองทุนในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2551) โดยกองทุนมีกำไรสุทธิรวม 132.15 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.8354 บาท อย่างไรก็ตาม หากเทียบผลการดำเนินงานจากปีก่อนหน้านี้ กองทุนมีกำไรสุทธิรวม 12.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.173 บาท ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานดังกล่าว เป็นผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2550 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เนื่องจากเป็นปีแรกของการจัดตั้งกองทุน
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เออร์บานา เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งลงทุนในสิทธิการเช่าในโครงการเออร์บานา หลังสวน จำนวน 128 ห้อง เพื่อจัดหาผลประโยชน์ในรูปแบบธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และธุรกิจโรงแรม โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุน และเป็นกองทุนรวมที่ระบุเฉพาะเจาะจง โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ในกรณีที่กองทุนรวมมีกำไรสุทธิในแต่ละปีบริษัทจัดการจะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิประจำปี
ก่อนหน้านี้ รายงานข่าวจากบลจ.นครหลวงไทย ระบุว่า ผลตอบแทนของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ไม่ค่อยดีนัก โดยปรับลดลงจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของกองทุนเล็กน้อย แต่กองทุนนี้ ก็ยังคงอยู่ในช่วงที่รับประกันผลตอบแทนเช่นกัน ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินงานในปีที่ 2 ที่จะรับประกันผลตอบแทนประมาณ 9% ต่อปี
ส่วนความคืบหน้าในการเปิดขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร (URSTPF) คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้งได้ภายในปี 2552 แต่คงไม่ทันไตรมาส 2 ของปีนี้อย่างแน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนเป็นสำคัญ
นางสุธิดา สุริโยดร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เออร์บานา (URBNPF) จะทำการจ่ายเงินปันผลของกองทุนจากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.222 บาท โดยบริษัทฯกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 18 มีนาคม 2552 โดยจะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 4 มีนาคม 2552
ทั้งนี้ บลจ.นครหลวงไทย ได้ผลการการดำเนินงานของกองทุนในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2551) โดยกองทุนมีกำไรสุทธิรวม 132.15 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.8354 บาท อย่างไรก็ตาม หากเทียบผลการดำเนินงานจากปีก่อนหน้านี้ กองทุนมีกำไรสุทธิรวม 12.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.173 บาท ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานดังกล่าว เป็นผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2550 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เนื่องจากเป็นปีแรกของการจัดตั้งกองทุน
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เออร์บานา เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งลงทุนในสิทธิการเช่าในโครงการเออร์บานา หลังสวน จำนวน 128 ห้อง เพื่อจัดหาผลประโยชน์ในรูปแบบธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และธุรกิจโรงแรม โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุน และเป็นกองทุนรวมที่ระบุเฉพาะเจาะจง โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ในกรณีที่กองทุนรวมมีกำไรสุทธิในแต่ละปีบริษัทจัดการจะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิประจำปี
ก่อนหน้านี้ รายงานข่าวจากบลจ.นครหลวงไทย ระบุว่า ผลตอบแทนของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ไม่ค่อยดีนัก โดยปรับลดลงจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของกองทุนเล็กน้อย แต่กองทุนนี้ ก็ยังคงอยู่ในช่วงที่รับประกันผลตอบแทนเช่นกัน ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินงานในปีที่ 2 ที่จะรับประกันผลตอบแทนประมาณ 9% ต่อปี
ส่วนความคืบหน้าในการเปิดขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร (URSTPF) คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้งได้ภายในปี 2552 แต่คงไม่ทันไตรมาส 2 ของปีนี้อย่างแน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนเป็นสำคัญ