ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับปีหนู...ต้องยอมรับว่า เป็นปีหนูไฟที่ร้อนแรงจริงๆ เพราะหลายต่อหลายเรื่องถาโถมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศ ที่ร้อนระอุ...แต่ที่หนักหนาไปกว่านั้น แน่นอนว่าคงไม่มีอะไรเกิน วิกฤตการเงินโลก ที่ต่อเนื่องมาจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ในสหรัฐอเมริกา
ที่บอกว่าหนักหนา เพราะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ลุกลามไปทั่วโลก จนกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของโลก...ไทยเองถึงแม้จะไม่ใช่ต้นตออย่างปี 2540 แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้น ซึ่งบรรดานักลงทุนต่างชาติพากันเทขายหุ้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชนิดไม่สนใจพื้นฐานของหุ้นว่าดีแค่ไหน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะจำเป็นต้องขายหุ้นออกไป เพื่อนำเงินไปชดเชยส่วนที่ขาดทุนนั่นเอง
การเทขายหุ้นอย่างหนักทั่วโลกนี่เอง ทำให้ปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นทั่วโลกร่วงระนาว ไทยเองก็ไม่น้อยหน้า สรุปตัวเลขทั้งปีแล้ว ตกลงไปถึง -47.56% ...สถานการณ์แบบนี้ กองทุนที่ลงทุนในหุ้น ก็รับผลกระทบไปด้วยเต็มๆ ...แต่หลังจากครบ 1 ปีไปแล้ว ใครจะเจ็บกว่าใคร หรือกองทุนไหนที่สร้างผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้ คอลัมน์ "Best of Fund" มีข้อมูลอัปเดตล่าสุด มาให้ติดตามกัน
สำหรับกองทุนที่ให้ผลผตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 กองทุนภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตลอดปี 2551 อยู่ที่ -27.32% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 20.24%
อันดับ 2 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ภายใต้การบริหารของ บลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทน -27.47% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 20.09%
อันดับ 3 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ของบลจ.อยุธยาอีก 1 กองทุน ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -27.84% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 19.72%
อันดับ 4 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล ของบลจ.อยุธยา ซึ่งเป็นกองทุนที่ 3 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -33.92% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 13.64%
อันดับ 5 กองทุนเปิดออมสินพัฒนาภูมิภาค ของบลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -34.96% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 12.60%
อันดับ 6 กองทุนเปิดธนชาติฟันดดาเมนทอล พลัส ของบลจ.ธนชาต ซึ่งเป็นกองที่ 2 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -35.80% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.76%
อันดับ 7 กองทุนเปิดกรุงไทย-ทรีนีตี้ปันผล ของบลจ.กรุงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -36.23% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.33%
อันดับ 8 กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน ของบลจ.บัวหลวง ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -36.30% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.26%
อันดับ 9 กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ของบลจ.อยุธยา ซึ่งเป็นกองทุนกองที่ 4 ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -36.30% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.26%
อันดับ 10 กองทุนเปิดธนชาติทุนเพิ่มทวี ของบลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -36.44% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.12%
เปิดพอร์ตกองทุนอันดับ 1
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.อยุธยา เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สาเหตุที่ ทำให้กองทุนอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ติดลบน้อยที่สุดในอุตสาหกรรม เพราะนโยบายการลงทุน ในหุ้นเพียง 70% จึงติดลบน้อยกว่ากองทุนที่ลงทุนหุ้น 100% สำหรับเงินที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ อายุยาว ได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 5% อย่างไรก็ตาม กองทุนที่ลงทุนหุ้นเต็ม 100% ของบลจ.อยุธยาคือ กองทุนอยุธยาหุ้นปันผล และกองทุนอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ก็ติดอันดับ 4 และ 9 ของกองทุนหุ้นที่มีผลตอบแทนติดลบน้อยสุดในระบบ และยังมีกองทุนอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ติดอันดับ 3
สำหรับหุ้นในพอร์ตของกองทุนอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 จะเน้นหุ้นจ่ายปันผลสูง และอัตราการเติบโตดีโดยเน้นหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยจากเศรษฐกิจซบเซาและในปี 2552 นี้ ยังคงใช้กลยุทธ์การลงทุนเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ให้น้ำหนักในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายภายในประเทศ เช่น กลุ่มพาณิชย์เหมือนเดิม รวมถึงกลุ่มสื่อสาร โรงพยาบาล และสื่อทีวี ขณะเดียวกันจะปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์
ที่บอกว่าหนักหนา เพราะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ลุกลามไปทั่วโลก จนกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของโลก...ไทยเองถึงแม้จะไม่ใช่ต้นตออย่างปี 2540 แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้น ซึ่งบรรดานักลงทุนต่างชาติพากันเทขายหุ้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชนิดไม่สนใจพื้นฐานของหุ้นว่าดีแค่ไหน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะจำเป็นต้องขายหุ้นออกไป เพื่อนำเงินไปชดเชยส่วนที่ขาดทุนนั่นเอง
การเทขายหุ้นอย่างหนักทั่วโลกนี่เอง ทำให้ปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นทั่วโลกร่วงระนาว ไทยเองก็ไม่น้อยหน้า สรุปตัวเลขทั้งปีแล้ว ตกลงไปถึง -47.56% ...สถานการณ์แบบนี้ กองทุนที่ลงทุนในหุ้น ก็รับผลกระทบไปด้วยเต็มๆ ...แต่หลังจากครบ 1 ปีไปแล้ว ใครจะเจ็บกว่าใคร หรือกองทุนไหนที่สร้างผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้ คอลัมน์ "Best of Fund" มีข้อมูลอัปเดตล่าสุด มาให้ติดตามกัน
สำหรับกองทุนที่ให้ผลผตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 กองทุนภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตลอดปี 2551 อยู่ที่ -27.32% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 20.24%
อันดับ 2 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ภายใต้การบริหารของ บลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทน -27.47% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 20.09%
อันดับ 3 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ของบลจ.อยุธยาอีก 1 กองทุน ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -27.84% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 19.72%
อันดับ 4 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล ของบลจ.อยุธยา ซึ่งเป็นกองทุนที่ 3 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -33.92% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 13.64%
อันดับ 5 กองทุนเปิดออมสินพัฒนาภูมิภาค ของบลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -34.96% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 12.60%
อันดับ 6 กองทุนเปิดธนชาติฟันดดาเมนทอล พลัส ของบลจ.ธนชาต ซึ่งเป็นกองที่ 2 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -35.80% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.76%
อันดับ 7 กองทุนเปิดกรุงไทย-ทรีนีตี้ปันผล ของบลจ.กรุงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -36.23% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.33%
อันดับ 8 กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน ของบลจ.บัวหลวง ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -36.30% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.26%
อันดับ 9 กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ของบลจ.อยุธยา ซึ่งเป็นกองทุนกองที่ 4 ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -36.30% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.26%
อันดับ 10 กองทุนเปิดธนชาติทุนเพิ่มทวี ของบลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ -36.44% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.12%
เปิดพอร์ตกองทุนอันดับ 1
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.อยุธยา เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สาเหตุที่ ทำให้กองทุนอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ติดลบน้อยที่สุดในอุตสาหกรรม เพราะนโยบายการลงทุน ในหุ้นเพียง 70% จึงติดลบน้อยกว่ากองทุนที่ลงทุนหุ้น 100% สำหรับเงินที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ อายุยาว ได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 5% อย่างไรก็ตาม กองทุนที่ลงทุนหุ้นเต็ม 100% ของบลจ.อยุธยาคือ กองทุนอยุธยาหุ้นปันผล และกองทุนอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ก็ติดอันดับ 4 และ 9 ของกองทุนหุ้นที่มีผลตอบแทนติดลบน้อยสุดในระบบ และยังมีกองทุนอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ติดอันดับ 3
สำหรับหุ้นในพอร์ตของกองทุนอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 จะเน้นหุ้นจ่ายปันผลสูง และอัตราการเติบโตดีโดยเน้นหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยจากเศรษฐกิจซบเซาและในปี 2552 นี้ ยังคงใช้กลยุทธ์การลงทุนเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ให้น้ำหนักในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายภายในประเทศ เช่น กลุ่มพาณิชย์เหมือนเดิม รวมถึงกลุ่มสื่อสาร โรงพยาบาล และสื่อทีวี ขณะเดียวกันจะปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์
