“ในส่วนเรื่องการบริหารเงินออมนั้นปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกจะฝากไว้กับธนาคาร เพื่อนที่จะได้สามารถถอนใช้ในยามฉุกเฉินได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อีกส่วนหนึ่งเป็นการออมด้วยการซื้อพันบัตรรัฐบาลเก็บสะสมไว้ และสุดท้ายซื้อกองทุนรวมที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย”
จากบทเพลงหนึ่งเดียวคนนี้ คิด..ว่ามีสักคนเข้าใจ เชื่อว่าใครหลายๆ คนต้องรู้จักบทเพลงเจ้าของตำนานร็อกเกอร์สาวอย่างปุ๊ – อัญชลี จงคดีกิจ ผู้หญิงมาดเท่ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร และมาในวันนี้สาวมาดมั่นได้ให้ “ผู้จัดการคุยกับนักลงทุน” ได้ร่วมพูดคุยในเรื่องของการออมเงินว่ามีแนวคิดเป็นอย่างไรกันและมีแบบฉบับการจัดสรรเงินของตัวเองกันเป็นยังไงบ้าง...
ปุ๊ เริ่มเล่าให้เราฟังว่า สมัยก่อนคุณแม่เปิดร้านเสริมสวย และมีลูกค้าเข้ามาทำผมเป็นจำนวนมาก เวลาปิดเทอมปุ๊ก็มักจะขนขนมมาขายในร้านเป็นการหารายได้พิเศษ ซึ่งก็มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนโดยตลอด ทำให้เดือนๆ หนึ่งมีรายได้จากส่วนนี้ประมาณ 100 บาท สำหรับเงินจำนวน 100 บาทในขณะนั้น ไม่ได้นำไปทำอะไรแต่อย่างใด แต่นำไปให้พี่ชายซึ่งสนิทและรักกันมากแทน ซึ่งพี่ชายก็รู้สึกดีใจกับการที่เราสามารถหาเงินได้ในช่วงนั้นด้วย
ปุ๊เล่าถึงผลงานเพลงให้ฟังว่า หลังจากออกเทปชุดแรกแล้วดังเป็นพลุแตก ทำให้งานหลั่งไหลเข้ามามากมาย ปุ๊ดังถึงขนาดได้มีโอกาสกระทบไหล่นักร้องระดับอินเตอร์อย่าง ทีน่า เทอร์เนอร์ ในโฆษณาชิ้นหนึ่งมาแล้ว และหลังจากที่ห่างหายจากการจับไมค์ออกอัลบั้มไปพักใหญ่ ๆ ปุ๊ก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายพอตื่นเช้าขึ้นมาก็ออกกำลังกาย เล่นกับสุนัข และมาดูแลร้านอาหารชมสวน แถวสุขุมวิท โดยปุ๊เล่าให้ฟังว่า “เมื่อครั้งที่มีชื่อเสียง ความกลัวก็ทำให้เกิดทุกข์ กลัวความไม่แน่นอน กลัวไม่เป็นที่รักของแฟนเพลง กลัวจะสูญเสียความนิยมที่เคยมี แต่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มาจากความไม่ได้ดั่งใจ และเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำให้เกิดความทุกข์มากมาย”
“ปุ๊เปิดร้านไม่หวังรวย ทำวันละ 3 ชั่วโมง เพื่อให้มีอาชีพ เวลาที่เหลือก็ศึกษาพระคัมภีร์ โดยดัดแปลงร้านเป็นห้องเรียนในช่วงเย็น สำหรับให้เพื่อนๆ ศึกษาพระคัมภีร์ ส่วนวันอาทิตย์ ดัดแปลงเป็นโบสถ์ CHURCH OF JOY คริสตจักรแห่งความสุข ซึ่งเมื่อก่อนมีแต่จะตักตวง ความรัก เงินทอง ชื่อเสียง คนเรามีความรักสั้น ความอดทนสั้น แต่พระเจ้าสอนให้เรามีความอดทนยาว ความรักยาว ทุกอย่างที่เกิดทำให้เราอดทนมากขึ้น เพราะรู้แล้วว่าตายไป เอาอะไรไปไม่ได้ ไม่รู้จะมุ่งที่วัตถุทำไม เพราะความสุขไม่ได้อยู่ที่เรามีสิ่งของ ความสุขไม่ต้องค้นหามากมาย เพราะมันอยู่ในตัวเรา คนมีเงินมากใช่ว่าจะมีความสุข คนมีความสุข ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ แค่นั่งอยู่ตรงนี้ แล้วมองต้นไม้ก็มีความสุข ไม่ต้องใช้เงินสักบาท ถือว่ารวยที่สุดแล้ว” ปุ๊บอก
เมื่อว่างจากการทำงาน ปุ๊มักจะชอบหาเวลาเล่นกับสุนัข เพื่อเป็นการผ่อนคลาย รวมถึงชอบไปเที่ยวทะเลด้วย แต่ว่าน้อยครั้งที่จะได้ไปเนื่องจากว่าทำกิจการร้านอาหาร ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก แต่ยามใดที่เกิดความเครียด ปุ๊เล่าให้ฟังว่ามักจะหาวิธีการคลายเครียดด้วยการร้องเพลงหรือฟังเพลง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอดังนั้นเราจึงไม่ควรท้อและควรสู้กับปัญหานั้น ๆ ให้ถึงที่สุด
ปุ๊ยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า ชีวิตก็เหมือน เครื่องบิน ที่จะต้องบินผ่านจุดที่สูงสุด แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องร่อนลงจอด แม้จะตกหลุมอากาศบ้าง แต่เมื่อปรับระดับได้ ทุกอย่างก็ราบรื่น ซึ่งการทำงานที่จะทำให้ประสบความเร็จได้นั้น คือ "ทำอะไรแล้วต้องทำอย่างซื่อสัตย์ ไม่โลภมาก ทำด้วยความรัก มีใจโอบอ้อมอารี ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และต้องทำงานอย่างมีความสุขในงานที่เราได้ทำด้วย"
ส่วนเรื่องการบริหารเงินออมนั้น ปุ๊ บอกต่อว่า ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกจะฝากไว้กับธนาคาร เพื่อที่จะได้สามารถถอนใช้ในยามฉุกเฉินได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อีกส่วนหนึ่งเป็นการออมด้วยการซื้อพันบัตรรัฐบาลเก็บสะสมไว้ และสุดท้ายคือซื้อกองทุนรวมที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
“การออมถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับปุ๊ เพราะปัจจุบันคุณแม่เริ่มอายุมากแล้ว จึงต้องเก็บออมไว้เผื่อยามท่านเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน และการออมนั้นต้องอยู่ในความเหมาะสมกับฐานะที่เราสามารถออมได้ ออมแบบพอเพียงไม่หักโหมจนเกินไป”
สุดท้ายปุ๊ บอกว่า จากการที่เรามีเงินเดือนไม่มาก ไม่มีรายได้ประจำ จึงต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดแบบพอเพียง เลือกใช้ในสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเงินที่มีอยู่นั้นเราต้องเลือกใช้ให้เป็นว่าสิ่งไหนควรซื้อและสิ่งไหนที่ควรซื้อ นอกจากนี้แล้วต้องใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท เพราะเงินที่เราเก็บออมนั้นจะมีคุณค่าอย่างมหาศาลในยามฉุกเฉิน
ชื่อ – นามสกุล อัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊)
วันเดือนปีเกิด 15 พฤศจิกายน 2498
การศึกษา ปริญญาตรีและปริญญาโท สาขาการเงินการธนาคาร มหาวิทยาลัยเซ็นหลุย รัฐมิสซูรี่ สหรัฐอเมริกา
งานปัจจุบัน ธุรกิจร้านอาหาร “ชมสวน”