กองทุนไทยโฟกัส อาศัยจังหวะหลังบมจ.ผาแดงอินดัสทรี (PDI) เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ ทุ่มเงิน 158.55 ล้าน เก็บหุ้นเพิ่ม 4.53 ล้านหุ้น ขณะที่บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมินหุ้นไม่น่าสนใจ เหตุยังไม่แน่ชัดว่ากลุ่มถือหุ้นใหม่จะลงทุนระยะยาวและราคาสังกะสีตก
รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า กองทุน Thai Focused Equity Fund Limited ได้นำส่งแบบรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (246-2) ซึ่งในวันที่ 18 เมษายน 2551 กองทุนได้ทำการซื้อหุ้นสามัญที่เป็นหลักทรัพย์ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI ผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (NVDR) จำนวน 4,530,000 หุ้น คิดเป็น 2.00% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยหลังจากการได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าว กองทุน Thai Focused Equity Fund Limited จะถือครองหลักทรัพย์ของ บมจ. ผาแดงอินดัสทรี จำนวน 14,036,090 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 6.21% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จากเดิมที่กองทุนถือครองทรัพย์สินคิดเป็นจำนวน 9,506,090 หุ้น คิดเป็น 4.21% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซื้อหลักทรัพย์ผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์นั้น จะกำหนดราคาซื้อเท่ากับราคาที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยกองทุน Thai Focused Equity Fund Limited ได้ทำการซื้อในวันที่ 18 เมษายน 2551 ซึ่งราคาหุ้นของบมจ. ผาแดงอินดัสทรี ได้ปิดวันเดียวกันที่ 35.00 บาท ทำให้ประมาณการณ์ได้ว่ากองทุนน่าจะทำการซื้อหุ้นสัดส่วน 2% ด้วยมูลค่าประมาณ 158.55 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่าการซื้อขายหลักทรัพย์เกิดขึ้นหลังจากที่บมจ. ผาแดง อินดัสทรี ได้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ประกอบไปด้วย Bali Ventures Limited ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ ถือหุ้นในสัดส่วน 21.7% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด , บริษัท Rak Minerals & Metals Investments FZ-LLC ถือหุ้นในสัดส่วน 7.2% และ บริษัท Far EAST Minerals Limited ถือหุ้นในสัดส่วน 5.2%
ขณะเดียวกันวานนี้ (23 เม.ย.51) ราคาหุ้นของบมจ. ผาแดงอินดัสทรี ปิดที่ 34.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 24.82 ล้านบาท
ด้านบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า บริษัทประเมินว่าหุ้นของบมจ. ผาแดงอินดัสทรีไม่น่าสนใจ และมีแนวโน้มในเชิงลบ จึงให้ราคาพื้นฐานเฉลี่ยไว้เพียง 31.83 บาท เนื่องมาจากประเมินว่าหุ้นอาจจะมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่เป็นกองทุน ซึ่งไม่ใช่พันธมิตรทางธุรกิจ ต่างจากผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมคือ ยูมิคอร์ ขณะที่ยังไม่มีความมั่นใจว่าการลงทุนของผู้ถือหุ้นรายใหม่กลุ่มดังกล่าวจะเป็นการลงทุนในระยะยาวหรือสั้น
ขณะเดียวกันบริษัทเองยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการขอประทานบัตรใหม่เพื่อผลิตสังกะสี จากเหมืองแม่สอด โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรออนุมัติจากกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะที่สินค้าในสต็อคเดิมใกล้หมด ซึ่งถ้าหากบริษัทต้องทำการนำเข้าสังกะสีเพื่อมาจำหน่าย จะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการทำกำไรปรับตัวลดลง ประกอบกับปัจจุบันราคาสังกะสีอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก ทำให้ผลการดำเนินงานในอนาคตน่าจะไม่ดีเท่าควร
รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า กองทุน Thai Focused Equity Fund Limited ได้นำส่งแบบรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (246-2) ซึ่งในวันที่ 18 เมษายน 2551 กองทุนได้ทำการซื้อหุ้นสามัญที่เป็นหลักทรัพย์ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI ผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (NVDR) จำนวน 4,530,000 หุ้น คิดเป็น 2.00% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยหลังจากการได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าว กองทุน Thai Focused Equity Fund Limited จะถือครองหลักทรัพย์ของ บมจ. ผาแดงอินดัสทรี จำนวน 14,036,090 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 6.21% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จากเดิมที่กองทุนถือครองทรัพย์สินคิดเป็นจำนวน 9,506,090 หุ้น คิดเป็น 4.21% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซื้อหลักทรัพย์ผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์นั้น จะกำหนดราคาซื้อเท่ากับราคาที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยกองทุน Thai Focused Equity Fund Limited ได้ทำการซื้อในวันที่ 18 เมษายน 2551 ซึ่งราคาหุ้นของบมจ. ผาแดงอินดัสทรี ได้ปิดวันเดียวกันที่ 35.00 บาท ทำให้ประมาณการณ์ได้ว่ากองทุนน่าจะทำการซื้อหุ้นสัดส่วน 2% ด้วยมูลค่าประมาณ 158.55 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่าการซื้อขายหลักทรัพย์เกิดขึ้นหลังจากที่บมจ. ผาแดง อินดัสทรี ได้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ประกอบไปด้วย Bali Ventures Limited ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ ถือหุ้นในสัดส่วน 21.7% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด , บริษัท Rak Minerals & Metals Investments FZ-LLC ถือหุ้นในสัดส่วน 7.2% และ บริษัท Far EAST Minerals Limited ถือหุ้นในสัดส่วน 5.2%
ขณะเดียวกันวานนี้ (23 เม.ย.51) ราคาหุ้นของบมจ. ผาแดงอินดัสทรี ปิดที่ 34.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 24.82 ล้านบาท
ด้านบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า บริษัทประเมินว่าหุ้นของบมจ. ผาแดงอินดัสทรีไม่น่าสนใจ และมีแนวโน้มในเชิงลบ จึงให้ราคาพื้นฐานเฉลี่ยไว้เพียง 31.83 บาท เนื่องมาจากประเมินว่าหุ้นอาจจะมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่เป็นกองทุน ซึ่งไม่ใช่พันธมิตรทางธุรกิจ ต่างจากผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมคือ ยูมิคอร์ ขณะที่ยังไม่มีความมั่นใจว่าการลงทุนของผู้ถือหุ้นรายใหม่กลุ่มดังกล่าวจะเป็นการลงทุนในระยะยาวหรือสั้น
ขณะเดียวกันบริษัทเองยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการขอประทานบัตรใหม่เพื่อผลิตสังกะสี จากเหมืองแม่สอด โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรออนุมัติจากกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะที่สินค้าในสต็อคเดิมใกล้หมด ซึ่งถ้าหากบริษัทต้องทำการนำเข้าสังกะสีเพื่อมาจำหน่าย จะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการทำกำไรปรับตัวลดลง ประกอบกับปัจจุบันราคาสังกะสีอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก ทำให้ผลการดำเนินงานในอนาคตน่าจะไม่ดีเท่าควร
