คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
นักวิเคราะห์การลงทุนอาวุโส
บลจ.อยุธยา จำกัด
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่แบบไทยๆกันก่อนครับ หวังว่าท่านผู้อ่านทุกท่านคงจะมีความสุขกันถ้วนหน้าในช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา ในช่วงสัปดาห์นี้บางท่านก็ถือโอกาสลาหยุดยาวเพื่อชาร์ตพลังงานก่อนที่จะมาลุยกันใหม่ ในช่วงหยุดยาวที่ผ่านมานี้ ผมเองก็ได้มีโอกาสพบญาติผู้ใหญ่หลายท่าน ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นญาติผู้ใหญ่ของผมทุกท่านแข็งแรงและอยู่กันอย่างสุขสบาย และก็ทำให้ผมหวนนึกถึงสมัยที่ผมยังเรียนอยู่ เพราะมีช่วงหนึ่งของทุกปีที่บรรยากาศจะคล้ายกันแบบนี้ก็คือช่วงคริสต์มาส ซึ่งเป็นช่วงที่เพื่อนๆชาวต่างชาติของผมจะกลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ทำให้ผมได้เห็นความจริงที่ว่าครอบครัวของฝรั่งถึงแม้จะอยู่กันเป็นครอบครัวเล็ก แต่เค้าก็ไม่ได้ห่างเหินกันอย่างที่เราคิด แต่เค้ากลับมีความผูกพันกันอย่างดี และไม่เคยเห็นเพื่อนคนไหนทอดทิ้งผู้มีพระคุณ (หรืออาจเป็นเพราะผมโชคดีที่ได้เจอเพื่อนดีๆก็ไม่รู้ครับ) อาจมีบ้างที่เพื่อนฝรั่งทะเลาะกับพ่อแม่ แต่ก็คุยกันด้วยเหตุด้วยผล และมักจะจบลงด้วยดี โดยผู้ที่ให้เหตุผลดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งสิ่งดีๆของฝรั่งอย่างนี้ ผมว่าพวกเราน่าจะทำตามนะครับ นอกเหนือจากที่เราทำตามฝรั่งในหลายๆด้านแล้ว เช่น การแต่งตัว การใช้ชีวิต เป็นต้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้พวกเราทำตามฝรั่งก็คือ การวางแผนทางการเงิน จะเห็นได้ว่าในต่างประเทศ ผู้สูงอายุของเขามักจะใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายหลังเกษียณ มีหลายท่านที่เกษียณตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี ทั้งนี้ เพราะเขาทำงานเก็บเงินกันตั้งแต่เด็กๆ และมีการวางแผนทางการเงินกันอย่างดี และมีสวัสดิการจากภาครัฐคอยช่วยเหลืออีกชั้นหนึ่ง (ในขณะที่ของเราสวัสดิการที่ควรมีกลับหายไปเพราะเงินภาษีที่เราเสียให้รัฐถูกโกงไปโดยกลุ่มคนบางกลุ่ม และคนไทยยังคงก้มหน้ายอมรับการโกงกินอยู่)
แต่สำหรับคนไทยแล้ว คงมีคนจำนวนมากที่ไม่มีการวางแผนทางการเงิน ในขณะที่คนส่วนใหญ่กลับคิดว่าต้องแต่งงาน มีลูก แล้วให้ลูกเลี้ยงตอนแก่ หรือไม่ก็รอหวังสมบัติที่พ่อแม่หาไว้ให้ ทำให้บางคนขาดการดิ้นรน หรือไม่เห็นค่าของเงิน ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของบางคนมีลักษณะเป็นเด็กในยามแก่ กล่าวคือ เมื่อตอนเป็นเด็กก็แบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ พอโตมาก็ทำงานหาเงินได้มาเท่าไหร่ก็ใช้ไปจนหมด พอแก่ตัวก็กลับมาแบมือขอเงินลูกใช้ต่อ เพราะเงินที่หามาได้ตอนทำงานถูกใช้ไปจนหมด ส่งผลให้ลูกที่ทำงานหาเงินมาได้ก็ต้องแบ่งเงินออมมาให้พ่อแม่ และอาจส่งผลให้ลูกไม่มีเงินออมเพียงพอไว้ใช้ยามแก่ ต้องไปขอหลานใช้ วนเวียนอยู่อย่างนี้ต่อไป
ที่ผมกล่าวมานี้ ไม่ได้มีเจตนาตำหนิใคร หรือให้ท่านไปโทษผู้มีพระคุณว่าสร้างความลำบากให้กับท่านนะครับ เพียงแต่ว่าอยากให้เห็นภาพว่าถ้าท่านไม่มีการวางแผนทางการเงิน ท่านอาจสร้างความลำบากให้กับลูกหลานที่รักของท่านรวมถึงตัวท่านเองในอนาคต ท่านควรจะเป็นผู้ริเริ่มที่จะสร้างความมั่นคงให้กับตัวท่านเองและครอบครัว บางท่านอาจจะแย้งว่า แค่เงินเดือนที่ได้ในแต่ละเดือนก็มีแค่พอใช้เดือนชนเดือนเท่านั้น จะเอาที่ไหนมาออมล่ะ ตรงนี้ผมคิดว่าถ้าท่านเพียงแค่พอมีเงินเก็บในธนาคารอยู่บ้าง ท่านก็สามารถวางแผนทางการเงินได้แล้วล่ะครับ เพียงแต่ท่านอาจจะต้องปรับทัศนคติในการวางแผนทางการเงินสักหน่อย ข้อแรกที่ต้องทำก็คือ คิดหารายได้ก่อนที่จะคิดถึงรายจ่าย คนไทยจำนวนมากมักจะคิดก่อนว่าอยากได้อะไร พออยากได้ก็ไปกู้เงินมาซื้อ หรืออาศัยการผ่อน แล้วค่อยคิดทีหลังว่าจะหาเงินมาใช้คืน หรือหาเงินมาผ่อนอย่างไร คงมีคนจำนวนไม่มากที่คิดว่าจะต้องเก็บเงินก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะใช้เงินเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินเก็บเพื่อซื้อของชิ้นหนึ่ง
ข้อต่อมาที่ควรทำก็คือ พึงระลึกไว้เสมอว่า เงินของเราหายไปกับเงินเฟ้อตลอดเวลา ในช่วงนี้ทุกท่านคงจะได้สัมผัสกับค่าเงินที่หายไปทุกวันอันเนื่องมาจากผลของเงินเฟ้อ กล่าวคือราคาข้าวของแพงขึ้นทุกวัน หรือจำนวนเงินเท่าเดิม แต่ซื้อของได้น้อยลง ในขณะที่รายได้ของท่านเพิ่มตามไม่ทัน หากท่านฝากเงินในธนาคาร ก็ได้ดอกเบี้ยเพียงน้อยนิด และยังต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้ ทำให้ท่านได้รับดอกเบี้ยไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งส่งให้รายได้จากเงินฝากของท่านไล่ตามราคาสิ้นค้าที่เพิ่มขึ้นไม่ทันเช่นกัน ดังนั้น ท่านควรหาช่องทางที่จะทำให้เงินออมของท่านสามารถสร้างรายได้ที่เหนือกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งย่อมดีกว่าที่จะปล่อยให้เงินออมของท่านทำให้ท่านจนลงๆทุกวัน
ทัศนคติอีกข้อหนึ่งที่ควรเปลี่ยนแปลงก็คือ ท่านควรวางแผนการทางการเงินในระยะยาว มีคนเป็นจำนวนมากที่หวังรวยเร็ว จึงไม่มีการวางแผนการทางการเงินในระยะยาว ตัวอย่างเช่น หากคิดจะลงทุนในหุ้น ก็คิดว่าจะต้องได้กำไรอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อเดือน หรือคิดว่าการเก็บเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาสั้นๆทำให้ไม่เห็นเงินเก็บเติบโตได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งส่งผลให้เกิดการท้อแท้ที่จะออม การวางแผนทางการเงินในระยะยาวจะต้องอาศัยวินัยในการออมที่ดี หากท่านมีการออมอย่างสม่ำเสมอและรักษาวินัยในการออม โอกาสที่ท่านจะได้เป็นเศรษฐีในวันข้างหน้าก็มีมากขึ้น
ข้อสุดท้ายสำหรับวันนี้ก็คือ เลิกก้มหน้ายอมรับการโกงกิน หากท่านมีภาระต้องเสียภาษี อย่างน้อยรายได้ 10% ของท่านต้องถูกนำไปจ่ายภาษี ซึ่งส่วนนั้นท่านควรจะได้รับผลตอบแทนกลับมาไม่ว่าจะในรูปแบบของสิ่งก่อสร้างที่เป็นสาธารณประโยชน์ สวัสดิการ หรือการบริการต่างๆ ซึ่งท่านควรจะช่วยเป็นหูเป็นตาช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของชาติ เพราะการที่ท่านได้รับประโยชน์จากภาษีที่ท่านเสียไป จะสามารถช่วยลดรายจ่ายของท่านได้
ในขณะที่หากท่านยังคงก้มหน้ายอมรับการโกงต่อไป ก็เท่ากับว่าท่านทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ท่านกลับต้องเสียเงินให้กับคนโกง จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ประเทศจีนและเวียดนามมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสองประเทศนี้มีการปราบคอรัปชั่นอย่างจริงจัง ทำให้เงินภาษีที่เก็บได้ถูกนำมาพัฒนาประเทศได้ตรงวัตถุประสงค์มากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สัปดาห์หน้ามาดูกันต่อครับว่าเราจะจัดการกับเงินของเราอย่างไรได้บ้าง การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
นักวิเคราะห์การลงทุนอาวุโส
บลจ.อยุธยา จำกัด
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่แบบไทยๆกันก่อนครับ หวังว่าท่านผู้อ่านทุกท่านคงจะมีความสุขกันถ้วนหน้าในช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา ในช่วงสัปดาห์นี้บางท่านก็ถือโอกาสลาหยุดยาวเพื่อชาร์ตพลังงานก่อนที่จะมาลุยกันใหม่ ในช่วงหยุดยาวที่ผ่านมานี้ ผมเองก็ได้มีโอกาสพบญาติผู้ใหญ่หลายท่าน ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นญาติผู้ใหญ่ของผมทุกท่านแข็งแรงและอยู่กันอย่างสุขสบาย และก็ทำให้ผมหวนนึกถึงสมัยที่ผมยังเรียนอยู่ เพราะมีช่วงหนึ่งของทุกปีที่บรรยากาศจะคล้ายกันแบบนี้ก็คือช่วงคริสต์มาส ซึ่งเป็นช่วงที่เพื่อนๆชาวต่างชาติของผมจะกลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ทำให้ผมได้เห็นความจริงที่ว่าครอบครัวของฝรั่งถึงแม้จะอยู่กันเป็นครอบครัวเล็ก แต่เค้าก็ไม่ได้ห่างเหินกันอย่างที่เราคิด แต่เค้ากลับมีความผูกพันกันอย่างดี และไม่เคยเห็นเพื่อนคนไหนทอดทิ้งผู้มีพระคุณ (หรืออาจเป็นเพราะผมโชคดีที่ได้เจอเพื่อนดีๆก็ไม่รู้ครับ) อาจมีบ้างที่เพื่อนฝรั่งทะเลาะกับพ่อแม่ แต่ก็คุยกันด้วยเหตุด้วยผล และมักจะจบลงด้วยดี โดยผู้ที่ให้เหตุผลดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งสิ่งดีๆของฝรั่งอย่างนี้ ผมว่าพวกเราน่าจะทำตามนะครับ นอกเหนือจากที่เราทำตามฝรั่งในหลายๆด้านแล้ว เช่น การแต่งตัว การใช้ชีวิต เป็นต้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้พวกเราทำตามฝรั่งก็คือ การวางแผนทางการเงิน จะเห็นได้ว่าในต่างประเทศ ผู้สูงอายุของเขามักจะใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายหลังเกษียณ มีหลายท่านที่เกษียณตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี ทั้งนี้ เพราะเขาทำงานเก็บเงินกันตั้งแต่เด็กๆ และมีการวางแผนทางการเงินกันอย่างดี และมีสวัสดิการจากภาครัฐคอยช่วยเหลืออีกชั้นหนึ่ง (ในขณะที่ของเราสวัสดิการที่ควรมีกลับหายไปเพราะเงินภาษีที่เราเสียให้รัฐถูกโกงไปโดยกลุ่มคนบางกลุ่ม และคนไทยยังคงก้มหน้ายอมรับการโกงกินอยู่)
แต่สำหรับคนไทยแล้ว คงมีคนจำนวนมากที่ไม่มีการวางแผนทางการเงิน ในขณะที่คนส่วนใหญ่กลับคิดว่าต้องแต่งงาน มีลูก แล้วให้ลูกเลี้ยงตอนแก่ หรือไม่ก็รอหวังสมบัติที่พ่อแม่หาไว้ให้ ทำให้บางคนขาดการดิ้นรน หรือไม่เห็นค่าของเงิน ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของบางคนมีลักษณะเป็นเด็กในยามแก่ กล่าวคือ เมื่อตอนเป็นเด็กก็แบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ พอโตมาก็ทำงานหาเงินได้มาเท่าไหร่ก็ใช้ไปจนหมด พอแก่ตัวก็กลับมาแบมือขอเงินลูกใช้ต่อ เพราะเงินที่หามาได้ตอนทำงานถูกใช้ไปจนหมด ส่งผลให้ลูกที่ทำงานหาเงินมาได้ก็ต้องแบ่งเงินออมมาให้พ่อแม่ และอาจส่งผลให้ลูกไม่มีเงินออมเพียงพอไว้ใช้ยามแก่ ต้องไปขอหลานใช้ วนเวียนอยู่อย่างนี้ต่อไป
ที่ผมกล่าวมานี้ ไม่ได้มีเจตนาตำหนิใคร หรือให้ท่านไปโทษผู้มีพระคุณว่าสร้างความลำบากให้กับท่านนะครับ เพียงแต่ว่าอยากให้เห็นภาพว่าถ้าท่านไม่มีการวางแผนทางการเงิน ท่านอาจสร้างความลำบากให้กับลูกหลานที่รักของท่านรวมถึงตัวท่านเองในอนาคต ท่านควรจะเป็นผู้ริเริ่มที่จะสร้างความมั่นคงให้กับตัวท่านเองและครอบครัว บางท่านอาจจะแย้งว่า แค่เงินเดือนที่ได้ในแต่ละเดือนก็มีแค่พอใช้เดือนชนเดือนเท่านั้น จะเอาที่ไหนมาออมล่ะ ตรงนี้ผมคิดว่าถ้าท่านเพียงแค่พอมีเงินเก็บในธนาคารอยู่บ้าง ท่านก็สามารถวางแผนทางการเงินได้แล้วล่ะครับ เพียงแต่ท่านอาจจะต้องปรับทัศนคติในการวางแผนทางการเงินสักหน่อย ข้อแรกที่ต้องทำก็คือ คิดหารายได้ก่อนที่จะคิดถึงรายจ่าย คนไทยจำนวนมากมักจะคิดก่อนว่าอยากได้อะไร พออยากได้ก็ไปกู้เงินมาซื้อ หรืออาศัยการผ่อน แล้วค่อยคิดทีหลังว่าจะหาเงินมาใช้คืน หรือหาเงินมาผ่อนอย่างไร คงมีคนจำนวนไม่มากที่คิดว่าจะต้องเก็บเงินก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะใช้เงินเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินเก็บเพื่อซื้อของชิ้นหนึ่ง
ข้อต่อมาที่ควรทำก็คือ พึงระลึกไว้เสมอว่า เงินของเราหายไปกับเงินเฟ้อตลอดเวลา ในช่วงนี้ทุกท่านคงจะได้สัมผัสกับค่าเงินที่หายไปทุกวันอันเนื่องมาจากผลของเงินเฟ้อ กล่าวคือราคาข้าวของแพงขึ้นทุกวัน หรือจำนวนเงินเท่าเดิม แต่ซื้อของได้น้อยลง ในขณะที่รายได้ของท่านเพิ่มตามไม่ทัน หากท่านฝากเงินในธนาคาร ก็ได้ดอกเบี้ยเพียงน้อยนิด และยังต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้ ทำให้ท่านได้รับดอกเบี้ยไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งส่งให้รายได้จากเงินฝากของท่านไล่ตามราคาสิ้นค้าที่เพิ่มขึ้นไม่ทันเช่นกัน ดังนั้น ท่านควรหาช่องทางที่จะทำให้เงินออมของท่านสามารถสร้างรายได้ที่เหนือกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งย่อมดีกว่าที่จะปล่อยให้เงินออมของท่านทำให้ท่านจนลงๆทุกวัน
ทัศนคติอีกข้อหนึ่งที่ควรเปลี่ยนแปลงก็คือ ท่านควรวางแผนการทางการเงินในระยะยาว มีคนเป็นจำนวนมากที่หวังรวยเร็ว จึงไม่มีการวางแผนการทางการเงินในระยะยาว ตัวอย่างเช่น หากคิดจะลงทุนในหุ้น ก็คิดว่าจะต้องได้กำไรอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อเดือน หรือคิดว่าการเก็บเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาสั้นๆทำให้ไม่เห็นเงินเก็บเติบโตได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งส่งผลให้เกิดการท้อแท้ที่จะออม การวางแผนทางการเงินในระยะยาวจะต้องอาศัยวินัยในการออมที่ดี หากท่านมีการออมอย่างสม่ำเสมอและรักษาวินัยในการออม โอกาสที่ท่านจะได้เป็นเศรษฐีในวันข้างหน้าก็มีมากขึ้น
ข้อสุดท้ายสำหรับวันนี้ก็คือ เลิกก้มหน้ายอมรับการโกงกิน หากท่านมีภาระต้องเสียภาษี อย่างน้อยรายได้ 10% ของท่านต้องถูกนำไปจ่ายภาษี ซึ่งส่วนนั้นท่านควรจะได้รับผลตอบแทนกลับมาไม่ว่าจะในรูปแบบของสิ่งก่อสร้างที่เป็นสาธารณประโยชน์ สวัสดิการ หรือการบริการต่างๆ ซึ่งท่านควรจะช่วยเป็นหูเป็นตาช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของชาติ เพราะการที่ท่านได้รับประโยชน์จากภาษีที่ท่านเสียไป จะสามารถช่วยลดรายจ่ายของท่านได้
ในขณะที่หากท่านยังคงก้มหน้ายอมรับการโกงต่อไป ก็เท่ากับว่าท่านทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ท่านกลับต้องเสียเงินให้กับคนโกง จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ประเทศจีนและเวียดนามมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสองประเทศนี้มีการปราบคอรัปชั่นอย่างจริงจัง ทำให้เงินภาษีที่เก็บได้ถูกนำมาพัฒนาประเทศได้ตรงวัตถุประสงค์มากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สัปดาห์หน้ามาดูกันต่อครับว่าเราจะจัดการกับเงินของเราอย่างไรได้บ้าง การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ