ผู้บริหาร บลจ.วรรณประกาศจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิด ThaiDEX SET50 ETF ครั้งแรก ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน 0.14 บาท จากผลการกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิ ระหว่างวันที่ 4 กันยายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 พร้อมชูนอกจากจะเปรียบเสมือนการลงทุนในดัชนี SET50 แล้ว ยังสามารถได้ผลตอบแทนทั้งในรูปของเงินปันผล และส่วนต่างราคาของหุ้นด้วย
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิด ThaiDEX SET50 ETF หรือ “TDEX” ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 ให้จ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.14 บาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 4 กันยายนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 9 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น. และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2551
สำหรับกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ เป็นกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประกอบของดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วยและส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ตราสารทางการเงิน หรือเงินฝาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อชำระราคาหลักทรัพย์ เพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อเป็นสภาพคล่องของกองทุน และกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) และพยายามดำรงค่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนเมื่อเทียบกับดัชนีอางอิง (tracking error) ไม่เกิน 1.0% ต่อปี
ส่วนกองทุนดังกล่าวมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกําไรสะสมหรือกําไรสุทธิ เมื่อกองทุนมีกําไรสะสมหรือกําไร สุทธิในงวดบัญชีที่จ่ายเงินปันผล และการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทําให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มี การจ่ายเงินปันผลนั้น ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยจะพิจารณาจ่ายในอัตราไม่เกินร้อยละ 100 ของกําไรสะสม หรือกําไรสุทธินั้นๆ ทั้งนี้ ตามที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร
นายสมจินต์ กล่าวว่า การลงทุนใน TDEX นั้น เปรียบเสมือนการลงทุนในหุ้นใหญ่ทั้ง 50 ตัวของดัชนี SET50 นักลงทุนอาจคาดหวังผลตอบแทนได้ทั้งในรูปของเงินปันผล และส่วนต่างราคาของหุ้นเหล่านั้น สำหรับการจ่ายเงินปันผล 0.14 บาทในครั้งนี้ ถ้าพิจารณาสำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้ตั้งแต่การเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2550 ในราคาหน่วยลงทุนละ 5.6796 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผล 2.46% สำหรับระยะเวลาการลงทุนประมาณสี่เดือน โดยเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2550 TDEX มีมูลค่าทรัพย์สินต่อหน่วยลงทุน เท่ากับ 6.3397 บาท
ทั้งนี้ ข้อดีที่สำคัญของ TDEX คือ หุ้นใหญ่เหล่านี้ส่วนใหญ่มีการจ่ายเงินปันผลทุกปี สำหรับปีนี้ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลแล้วถึง 44 บริษัท เงินปันผลจึงเป็นแหล่งผลตอบแทนที่สำคัญของ TDEX นอกเหนือจากโอกาสการได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาด้วย โดย TDEX คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลปีละสองครั้ง
โดย TDEX จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และเข้าทำการซื้อขายในหมวดธุรกิจหน่วยลงทุนเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2550 มีมูลค่าโครงการทั้งหมด 5,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 880,281,690 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยลงทุนละ 5.6796 บาท และเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 TDEX มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) 3,002,333,934.34 บาท และมีมูลค่าทรัพย์สินต่อหน่วยลงทุน เท่ากับ 6.0287 บาท
นายสมจินต์ กล่าวว่า TDEX นับเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีข้อดีคือสามารถซื้อขายแบบเรียลไทม์ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง กระจายการลงทุนอย่างดี และให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและสม่ำเสมอเหมือนลงทุนในหุ้นชั้นนำ 50 ตัว ที่อยู่ในดัชนีเซ็ท 50 หรือสรุปสั้นๆ ได้ว่า “เทรดง่ายเหมือนหุ้น กระจายการลงทุนเหมือนดัชนี” TDEX จัดได้ว่าเป็นเครื่องมือสำหรับการลงทุนที่ง่ายต่อความเข้าใจ มีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปใช้ลงทุนได้จริงในหลายๆ สถานการณ์ มีความเหมาะสมสำหรับทั้งนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่ บุคคลธรรมดาและสถาบัน ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ตลอดจนผู้ลงทุนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาก่อน นอกจากนี้ TDEX ยังมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายในอัตราขั้นต่ำเพียงร้อยละ 0.10 ของมูลค่าซื้อขายเท่านั้น ผู้ที่สนใจลงทุนสามารถติดต่อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำทั่วประเทศ