คอลัมน์บัวหลวง มันนี่ทริป
การเดินทางเพื่อสำรวจ และแสวงหาดินแดนใหม่ๆ ที่ไกลออกไปนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ให้ความสนใจเป็นพื้นฐาน ซึ่งกระตุ้นให้มีความต้องการที่จะวาดภาพให้เห็นถึงสภาพแวดล้อม และความเป็นไปต่างๆ รวมถึงความต้องการที่จะนำทาง จนทำให้เกิดสิ่งที่เรารู้จักกันที่คือ “แผนที่”
แผนที่ที่เก่าแก่ที่สุด ปั้นขึ้นจากดินเหนียวเพื่อแสดงลักษณะทางภูมิศาสตร์ เมื่อ 3,000 ปี ก่อนคริศตกาล ต่อมาได้มีการค้นพบแผนที่ทางประวัติศาสตร์ที่ทำโดยชาวอียิปต์ เมื่อกว่า 1,400 ปี ก่อนคริศตกาล แสดงเขตแดนที่ปกครองเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บภาษี แผนที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต่างๆกัน จนกระทั่งวันนี้ที่เรามีคอมพิวเตอร์ ดาวเทียม และระบบเทคโนโลยีที่สุดจะทันสมัย ทำให้เราสามารถดูแผนที่จากทุกมุมโลกผ่านทาง Internet อย่างที่เราพอจะทราบกันถึงความสามารถของ program Google Earth แล้วก็ตาม แต่ถ้าจะว่าไปแล้วการทำแผนที่คือการรวบรวม ข้อมูลอย่างหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ และเพื่อใช้นำทางนั่นเอง
เมื่อตอนเด็กเราเองก็อาจจะเคยทำแผนที่นำทางของตนเองเพื่อเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งมีรายละเอียดของเส้นทาง และสถานที่สำคัญๆ เพื่อใช้เลือกเส้นทางและวิธีการที่จะเดินทางไปถึงโรงเรียน ที่ประหยัด รวดเร็ว และที่สำคัญคือไม่หลงทาง ซึ่งถ้าว่าไปแล้วแผนที่ที่เด็กนักเรียนแต่ละคนทำขึ้นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ซึ่งถือได้ว่าเป็นแผนที่นำทางส่วนตัว (Personal Map) ก็ว่าได้
และหากจะเปรียบเทียบว่าการจัดการด้านการเงินของบุคคลนั้นเปรียบเหมือนการเดินทางไปยังที่หมายทางการเงินในอนาคตแล้วละก้อ จะดีกว่ามั๊ยถ้าเราทุกคนมีแผนที่นำทางด้านการเงินส่วนตัว (Personal Financial Road Map)? ถ้าจะถามว่าแผนที่นำทางด้านการเงินคืออะไร และเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรบ้าง ก็ต้องบอกว่าแผน และแนวทางจัดการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ของท่านนั่นแหละ โดยในแผนที่นำทางด้านการเงินนั้นจะต้องระบุ และมีข้อมูลที่ชัดเจน รวมถึงแนวทางการจัดการเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ดังนี้
- แผนการดำเนินชีวิต และเป้าหมายทางการเงิน เป็นเรื่องที่สำคัญมากแต่คนมักไม่ให้ความสนใจ ที่จะระบุลงไปอย่างชัดเจน เป้าหมายการเงินนั้นมีหลายลักษณะ เป้าหมายระยะสั้น-ระยะยาว เป้าหมายที่มีความสำคัญมาก-สำคัญน้อย เช่น การซื้อรถยนต์ เป็นเป้าหมายะระยะสั้นความสำคัญน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อบ้านซึ่งถือเป็นเป้าหมายระยะยาวความสำคัญมาก การขาดการระบุเป้าหมายที่ชัดเจนก็เท่ากับเราเดินทางโดยไม่รู้จุดหมายนั่นเอง
- การวิเคราะห์ข้อมูล และสถานะทางการเงิน คนไทยส่วนใหญ่มักจะไม่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้ รวมถึงยังไม่วิเคราะห์โดยละเอียดถึงที่มา และใช้ไปของเงิน แนวโน้มในอนาคต และปัจจัยต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลงและกระทบต่อฐานะการเงิน ดังสังเกตได้จากในช่วงที่ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และมีการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เราจะพบว่าบ้านขายดีมาก เนื่องจากผู้ซื้อใช้เงินเพียงเล็กน้อยในการจ่ายเงินดาวน์ และผ่อนค่างวดในแต่ละงวด ทั้งนี้ถ้าว่าไปแล้วอาจมีน้อยคนที่จะเตรียมตัวรองรับกับค่างวดที่อาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น
- การออม และการลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเนื่องจากมีความคาดหวังว่าจะได้รับผลกำไร ขณะเดียวกับที่ระมัดระวังเป็นที่สุดเพราะกลัวความผิดพลาด หรือขาดทุน ซึ่งในทุกวันนี้ทางเลือกการลงทุนก็มีอยู่มากมายจนทำให้ผู้ที่ต้องการลงทุนเลือกไม่ถูก อีกทั้งการคัดเลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของตนนั้น ต้องใช้ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจที่มากขึ้น
- แผนประกันชีวิต ที่ทำให้เรามีความคุ้มครองที่เหมาะสมกับภาระหน้าที่ที่เปลี่ยนแปลงไป ค่าเบี้ยประกันเท่าไหร่ดีที่ไม่แพงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับวงเงินคุ้มครอง หรือจนทำให้ต้องเลิกกลางคัน รวมถึงการทำประกันเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะบางอย่าง เช่น ประกันชีวิตสำหรับวงเงินกู้ เป็นต้น
- การวางแผนด้านภาษี เพื่อหาวิธีการและช่องทางที่เสียภาษีน้อยที่สุดอย่างถูกต้อง เช่น การลงทุนผ่านกองทุนรวมทำให้ผู้ลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นต้น
- การเงินส่วนบุคคล เช่นการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ บัตรเครดิต หลายๆคนที่เพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัวคงมีคำถามว่าควรซื้อบ้าน หรือซื้อรถยนต์ก่อนกันดี ? ควรใช้จ่ายเงินซักกี่บาทเพื่อซื้อบ้านหรือรถยนต์? เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะ และไม่ลำบากมากในตอนผ่อน? ควรกู้กี่บาทดี? ดอกเบี้ยคงที่หรือลอยตัวดี? ซึ่งย่อมต้องแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล
- การวางแผนด้านการเงินหลังเกษียณอายุ ทุกคนทราบดีว่าส่วนใหญ่แล้วเมื่ออายุมากขึ้น ศักยภาพที่จะหารายได้อาจจะลดลง และวันหนึ่งเราคงต้องเลิกทำงาน จะดีกว่ามากถ้าแผนการที่ชัดเจน เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวและเกษียณอายุอย่างมีความสุข ไม่ต้องเป็นภาระให้ลูกหลาน
- การบริหารทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ เช่น บ้านเช่า ที่ดิน
ในเมื่อแผนการดำเนินชีวิต เป้าหมายทางการเงิน และเงื่อนไขปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ของคนนั้นแตกต่างกัน จึงถึงได้ว่าแผนที่นำทางด้านการเงิน (Financial Road Map) จึงต้องเป็นของใครของมัน และถึงแม้คุณอาจจะทำได้เอง แต่ไม่จำเป็นต้องทำเองทุกเรื่อง เนื่องจากปัจจุบันมีตัวช่วยที่เป็นมืออาชีพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้วางแผนการลงทุน ผู้ขายหลักทรัพย์ ตัวแทนประกันชีวิต ที่ปรึกษาการลงทุน ซึ่งเชื่อได้ว่ายินได้ให้คำแนะนำแก่คุณโดยไม่คิดเงิน
หากคุณได้จัดทำแผนที่นำทางด้านการเงินส่วนตัว (Personal Financial Road Map) ที่ดีแล้ว เชื่อได้เลยว่าคุณจะมีสุขภาพทางการเงินที่ดี และมั่นใจได้ว่าจะไปถึงจุดหมายทางการเงินได้โดยไม่หลงทาง
ในทางกลับกัน หากไม่ได้มีการจัดทำแผนที่นำทางด้านการเงิน ก็เปรียบเสมือนคนที่ออกเดินทางโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหน เพื่ออะไร และไปด้วยวิธีใด ลองคิดดูครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
การเดินทางเพื่อสำรวจ และแสวงหาดินแดนใหม่ๆ ที่ไกลออกไปนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ให้ความสนใจเป็นพื้นฐาน ซึ่งกระตุ้นให้มีความต้องการที่จะวาดภาพให้เห็นถึงสภาพแวดล้อม และความเป็นไปต่างๆ รวมถึงความต้องการที่จะนำทาง จนทำให้เกิดสิ่งที่เรารู้จักกันที่คือ “แผนที่”
แผนที่ที่เก่าแก่ที่สุด ปั้นขึ้นจากดินเหนียวเพื่อแสดงลักษณะทางภูมิศาสตร์ เมื่อ 3,000 ปี ก่อนคริศตกาล ต่อมาได้มีการค้นพบแผนที่ทางประวัติศาสตร์ที่ทำโดยชาวอียิปต์ เมื่อกว่า 1,400 ปี ก่อนคริศตกาล แสดงเขตแดนที่ปกครองเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บภาษี แผนที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต่างๆกัน จนกระทั่งวันนี้ที่เรามีคอมพิวเตอร์ ดาวเทียม และระบบเทคโนโลยีที่สุดจะทันสมัย ทำให้เราสามารถดูแผนที่จากทุกมุมโลกผ่านทาง Internet อย่างที่เราพอจะทราบกันถึงความสามารถของ program Google Earth แล้วก็ตาม แต่ถ้าจะว่าไปแล้วการทำแผนที่คือการรวบรวม ข้อมูลอย่างหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ และเพื่อใช้นำทางนั่นเอง
เมื่อตอนเด็กเราเองก็อาจจะเคยทำแผนที่นำทางของตนเองเพื่อเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งมีรายละเอียดของเส้นทาง และสถานที่สำคัญๆ เพื่อใช้เลือกเส้นทางและวิธีการที่จะเดินทางไปถึงโรงเรียน ที่ประหยัด รวดเร็ว และที่สำคัญคือไม่หลงทาง ซึ่งถ้าว่าไปแล้วแผนที่ที่เด็กนักเรียนแต่ละคนทำขึ้นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ซึ่งถือได้ว่าเป็นแผนที่นำทางส่วนตัว (Personal Map) ก็ว่าได้
และหากจะเปรียบเทียบว่าการจัดการด้านการเงินของบุคคลนั้นเปรียบเหมือนการเดินทางไปยังที่หมายทางการเงินในอนาคตแล้วละก้อ จะดีกว่ามั๊ยถ้าเราทุกคนมีแผนที่นำทางด้านการเงินส่วนตัว (Personal Financial Road Map)? ถ้าจะถามว่าแผนที่นำทางด้านการเงินคืออะไร และเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรบ้าง ก็ต้องบอกว่าแผน และแนวทางจัดการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ของท่านนั่นแหละ โดยในแผนที่นำทางด้านการเงินนั้นจะต้องระบุ และมีข้อมูลที่ชัดเจน รวมถึงแนวทางการจัดการเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ดังนี้
- แผนการดำเนินชีวิต และเป้าหมายทางการเงิน เป็นเรื่องที่สำคัญมากแต่คนมักไม่ให้ความสนใจ ที่จะระบุลงไปอย่างชัดเจน เป้าหมายการเงินนั้นมีหลายลักษณะ เป้าหมายระยะสั้น-ระยะยาว เป้าหมายที่มีความสำคัญมาก-สำคัญน้อย เช่น การซื้อรถยนต์ เป็นเป้าหมายะระยะสั้นความสำคัญน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อบ้านซึ่งถือเป็นเป้าหมายระยะยาวความสำคัญมาก การขาดการระบุเป้าหมายที่ชัดเจนก็เท่ากับเราเดินทางโดยไม่รู้จุดหมายนั่นเอง
- การวิเคราะห์ข้อมูล และสถานะทางการเงิน คนไทยส่วนใหญ่มักจะไม่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้ รวมถึงยังไม่วิเคราะห์โดยละเอียดถึงที่มา และใช้ไปของเงิน แนวโน้มในอนาคต และปัจจัยต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลงและกระทบต่อฐานะการเงิน ดังสังเกตได้จากในช่วงที่ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และมีการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เราจะพบว่าบ้านขายดีมาก เนื่องจากผู้ซื้อใช้เงินเพียงเล็กน้อยในการจ่ายเงินดาวน์ และผ่อนค่างวดในแต่ละงวด ทั้งนี้ถ้าว่าไปแล้วอาจมีน้อยคนที่จะเตรียมตัวรองรับกับค่างวดที่อาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น
- การออม และการลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเนื่องจากมีความคาดหวังว่าจะได้รับผลกำไร ขณะเดียวกับที่ระมัดระวังเป็นที่สุดเพราะกลัวความผิดพลาด หรือขาดทุน ซึ่งในทุกวันนี้ทางเลือกการลงทุนก็มีอยู่มากมายจนทำให้ผู้ที่ต้องการลงทุนเลือกไม่ถูก อีกทั้งการคัดเลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของตนนั้น ต้องใช้ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจที่มากขึ้น
- แผนประกันชีวิต ที่ทำให้เรามีความคุ้มครองที่เหมาะสมกับภาระหน้าที่ที่เปลี่ยนแปลงไป ค่าเบี้ยประกันเท่าไหร่ดีที่ไม่แพงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับวงเงินคุ้มครอง หรือจนทำให้ต้องเลิกกลางคัน รวมถึงการทำประกันเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะบางอย่าง เช่น ประกันชีวิตสำหรับวงเงินกู้ เป็นต้น
- การวางแผนด้านภาษี เพื่อหาวิธีการและช่องทางที่เสียภาษีน้อยที่สุดอย่างถูกต้อง เช่น การลงทุนผ่านกองทุนรวมทำให้ผู้ลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นต้น
- การเงินส่วนบุคคล เช่นการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ บัตรเครดิต หลายๆคนที่เพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัวคงมีคำถามว่าควรซื้อบ้าน หรือซื้อรถยนต์ก่อนกันดี ? ควรใช้จ่ายเงินซักกี่บาทเพื่อซื้อบ้านหรือรถยนต์? เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะ และไม่ลำบากมากในตอนผ่อน? ควรกู้กี่บาทดี? ดอกเบี้ยคงที่หรือลอยตัวดี? ซึ่งย่อมต้องแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล
- การวางแผนด้านการเงินหลังเกษียณอายุ ทุกคนทราบดีว่าส่วนใหญ่แล้วเมื่ออายุมากขึ้น ศักยภาพที่จะหารายได้อาจจะลดลง และวันหนึ่งเราคงต้องเลิกทำงาน จะดีกว่ามากถ้าแผนการที่ชัดเจน เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวและเกษียณอายุอย่างมีความสุข ไม่ต้องเป็นภาระให้ลูกหลาน
- การบริหารทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ เช่น บ้านเช่า ที่ดิน
ในเมื่อแผนการดำเนินชีวิต เป้าหมายทางการเงิน และเงื่อนไขปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ของคนนั้นแตกต่างกัน จึงถึงได้ว่าแผนที่นำทางด้านการเงิน (Financial Road Map) จึงต้องเป็นของใครของมัน และถึงแม้คุณอาจจะทำได้เอง แต่ไม่จำเป็นต้องทำเองทุกเรื่อง เนื่องจากปัจจุบันมีตัวช่วยที่เป็นมืออาชีพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้วางแผนการลงทุน ผู้ขายหลักทรัพย์ ตัวแทนประกันชีวิต ที่ปรึกษาการลงทุน ซึ่งเชื่อได้ว่ายินได้ให้คำแนะนำแก่คุณโดยไม่คิดเงิน
หากคุณได้จัดทำแผนที่นำทางด้านการเงินส่วนตัว (Personal Financial Road Map) ที่ดีแล้ว เชื่อได้เลยว่าคุณจะมีสุขภาพทางการเงินที่ดี และมั่นใจได้ว่าจะไปถึงจุดหมายทางการเงินได้โดยไม่หลงทาง
ในทางกลับกัน หากไม่ได้มีการจัดทำแผนที่นำทางด้านการเงิน ก็เปรียบเสมือนคนที่ออกเดินทางโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหน เพื่ออะไร และไปด้วยวิธีใด ลองคิดดูครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
