บลจ.วรรณเอยูเอ็มพุ่ง 5,000 ล้านบาท รับอานิสงค์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับTDEX "สมจินต์" แย้มแผนปีหน้า จ่อขอจดทะเบียนกองทุนไทยเด็กซ์ เพิ่มอีกเท่าตัว หวังอนาคตมูลค่ากองพุ่งเทียบเท่ากองทุนดัชนี พร้อมเตรียมแผนออกโรดโชว์ต่างประเทศ ระบุสนใจออกกองทุนอีทีเอฟอิงดัชนีรายกลุ่มอุตสาหกรรม
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน บลจ.มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ทั้งสิ้น 62,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2549 ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการทั้งสิ้น 57,500 ล้านบาท ซึ่งสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนไทยเด็กซ์ อีทีเอฟ (TDEX)
สำหรับกองทุนไทยเด็กซ์ อีทีเอฟนั้น ปัจจุบันได้รับความนิยมและขนาดกองทุนก็มีการเติบโคขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน TDEX มีขนาดกองทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท จากขนาดกองทุนที่ขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าในปีหน้าบลจ.อาจจะมีการขอจดทะเบียนเพิ่มทุนอีก 5,000 ล้านบาท
"ถ้าเปรียบเทียบขนาดกองทุนอีทีเอฟของไทยและต่างประเทศแล้ว ยังมีขนาดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่วนตัวหวังว่า ในชั้นต้นอยากให้นักลงทุนทุกคนที่มีการลงทุนในกองทุนรวมรวมถึงหุ้น มีการลงทุนใน TDEX ด้วย ซึ่งอยากให้ในอนาคตขนาดกองทุน TDEX เพิ่มขึ้นไปเทียบเท่ากับกองทุนดัชนีที่ปัจจุบันมีขนาดกองทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท" นายสมจินต์ กล่าว
ส่วนแผนงานการขยายกองทุน TDEX ในปีหน้านั้น บลจ.มีแผนที่จะออกไปทำโรดโชว์ยังต่างประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากประเทศในภูมิภาค เช่น ประเทศสิงคโปร์ ไต้หวัน รวมทั้งยังคงมีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในการให้ความรู้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะจัดกิจกรรมเพื่อแนะนำบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆที่จดทะเบียนในตลท.ด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาจากการที่ขนาดกองทุน TDEX มีการเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มมีความเข้าใจการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟมากขึ้น ซึ่งสำหรับในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่บลจ.อาจจะมีการออกกองทุนอีทีเอฟกองใหม่ๆ นอกเหนือจากกองทุนอีทีเอฟที่อิงกับ SET 50 เข้ามาทำการซื้อขาย ซึ่งถ้าตลาดฯและเครื่องมือมีความพร้อมเพียงพอ กองทุนอีทีเอฟที่อิงผลตอบแทนดับดัชนีในระดับอุตสาหกรรมหลัก ก็น่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุน
"การที่จะออกกองทุนใหม่นั้นคงจะต้องอาศัยเวลา แต่นั้นจะเป็นหนึ่งในแนวทางที่เราจะเดินต่อไป นอกเหนือจากความพยายามในการขยายขนาดกองทุน TDEX ในส่วนของนักลงทุนคนไทยและต่างชาติ , การทำโรดโชว์ และการเผยแพร่ความรู้แก่นักลงทุน ซึ่งจะมีการทำอยู่อย่างต่อเนื่อง" นายสมจินต์ กล่าว
นายสมจินต์ กล่าวต่อว่า หลังจากการที่บลจ.ได้เปิดการซื้อขายและจดทะเบียนกองทุน TDEX นั้นก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตเมื่อมีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น ก็จะส่งผลทำให้ยอดนักลงทุนต่างชาติใน TDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม
สำหรับการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน บริษัทประกัน รวมถึงกองทุนรวมต่างๆ นั้น ปัจจุบันกองทุนต่างๆก็มีการใช้ TDEX เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการลงทุนมากขึ้น เนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น 1.TDEX เป็นการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นพอรต์การลงทุนที่มีการถือหุ้น 50 ตัว ทำให้สามารถซื้อขายได้อย่างสะดวก 2.ใช้ TDEX เป็นแหล่งพักเงินในการลงทุน เพราะบางครั้งการตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้นอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ซึ่งถ้าจะนำเงินลงทุนไปพักการลงทุน ด้วยการฝากเงิน หรือ ลงทุนในตั๋วเงินระยะสั้น อาจจะให้ผลตอบแทนที่ไม่มากนัก ซึ่งการเข้าลงทุนใน TDEX อาจจะทำให้ผลอบแทนที่มากกว่า และยังสอดคล้องกับนโยบายการลงทุน
3.ในกรณีที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในภาพรวมมากกว่าการลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เช่น มีการประเมินแนวโน้มตลาดเป็นขาขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะลงทุนตัวไหนดี การลงทุนใน TDEX จะทำให้สามารถลงทุนได้ในหุ้นดีถึง 50 ตัว ซึ่งจะเป็นไปตามแนวคิดเชิงมหภาคได้ และ 4.การลงทุนใน TDEX มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง
ส่วนแนวคิดของตลท.ที่จะพยายามหากองทุนอีทีเอฟกองใหม่เข้ามาจดทะเบียนทำการซื้อขาย นอกเหนือจากกองทุน TDEX นั้น นายสมจินต์ กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นแนวคิดที่ดี แต่ควรจะต้องพิจารณาอุปสงค์ของตลาดและกระบวนการเสริมสร้างสภาพคล่องด้วย ซึ่งสำหรับบลจ.วรรณก็จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ตั้งใจจะพัฒนาและนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาทำการซื้อขายในตลาดฯเพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน