บลจ.กสิกรไทย ประกาศจ่ายปันผลพร้อมกัน 4 กองรวด "รวงข้าว 3-รวงข้าวทุนวิภาค-พันธบัตรไทยเอบีเอฟ" กำหนดจ่ายในอัตราหน่วยลงทุนละ 1.20, 1.17 และ 0.60 บาทตามลำดับ ผู้ถือหน่วยเฮรับพร้อมกัน 3 ม.ค.51 นี้ ด้าน"กองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้"เตรียมจ่ายเงินปันผล 26 ธ.ค.อัตราหน่วยลงทุนละ 0.38 บาทต่อหน่วย
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนของบริษัทได้กำหนดการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 สำหรับกองทุนภายใต้การบริหารจัดการจำนวน 4 กองทุน โดย 3 กองทุนแรก ประกอบไปด้วย กองทุนเปิดรวงข้าว 3 (RKF3) จะจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 1.20 บาท , กองทุนเปิดรวงข้าวทุนวิภาค (RKBF) จะจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 1.17 บาท และกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH) จ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.60 บาท โดยกำหนดการจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ธันวาคม 2549 - 31 พฤษภาคม 2550 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 3 มกราคม 2551
ส่วนกองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้ (KGLOBE) เป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2550 ทั้งนี้จะจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.38 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 26 ธันวาคม 2550
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดรวงข้าว 3 ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 10.65% ส่วนย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 21.34% และย้อนหลัง 1 ปี 29.53% ส่วนการจ่ายเงินปันผลนั้นบริษัททำการจ่ายเงินปันผลไปแล้วจำนวน 14 ครั้ง ๆ ล่าสุดจ่ายเงินปันผลไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ในอัตรา 0.19 บาทต่อหน่วย และครั้งนี้จะเป็นการครั้งที่ 15 ซึ่งจ่ายปัน
ผลในอัตรา 1.20 บาท ต่อหน่วย
ด้านกองทุนเปิดรวงข้าวทุนวิภาค ได้ทำการจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 12 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13 คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลรวม 1.17 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 7.22% ส่วนย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 14.08% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 21.98%
กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 3 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งจะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน -1.17% ย้อนหลัง 6 เดือน -3.04% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 3.04%
และกองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้ ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 2 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งจะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.38 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีนโยบายที่จะนำเงินลงทุนส่วนใหญ่ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนประเภทตราสารแห่งทุนที่จัดตั้งและลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของประเทศต่าง ๆ (Country Funds) ภูมิภาคต่าง ๆ (Regional Funds) หรือกองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก (Global Funds)
นอกจากนี้กองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นทั่วโลกที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต. โดยกองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ได้ตามความเหมาะสม ในระยะแรกกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทในกลุ่ม IXIS Asset Management Group ซึ่งรวมถึงบริษัท IXIS Asset Management โดยกองทุนอาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมบริษัทจัดการที่กองทุนลงทุนได้ กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes)
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนของบริษัทได้กำหนดการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 สำหรับกองทุนภายใต้การบริหารจัดการจำนวน 4 กองทุน โดย 3 กองทุนแรก ประกอบไปด้วย กองทุนเปิดรวงข้าว 3 (RKF3) จะจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 1.20 บาท , กองทุนเปิดรวงข้าวทุนวิภาค (RKBF) จะจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 1.17 บาท และกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH) จ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.60 บาท โดยกำหนดการจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ธันวาคม 2549 - 31 พฤษภาคม 2550 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 3 มกราคม 2551
ส่วนกองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้ (KGLOBE) เป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2550 ทั้งนี้จะจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.38 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 26 ธันวาคม 2550
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดรวงข้าว 3 ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 10.65% ส่วนย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 21.34% และย้อนหลัง 1 ปี 29.53% ส่วนการจ่ายเงินปันผลนั้นบริษัททำการจ่ายเงินปันผลไปแล้วจำนวน 14 ครั้ง ๆ ล่าสุดจ่ายเงินปันผลไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ในอัตรา 0.19 บาทต่อหน่วย และครั้งนี้จะเป็นการครั้งที่ 15 ซึ่งจ่ายปัน
ผลในอัตรา 1.20 บาท ต่อหน่วย
ด้านกองทุนเปิดรวงข้าวทุนวิภาค ได้ทำการจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 12 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13 คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลรวม 1.17 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 7.22% ส่วนย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 14.08% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 21.98%
กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 3 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งจะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน -1.17% ย้อนหลัง 6 เดือน -3.04% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 3.04%
และกองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้ ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 2 ครั้ง รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งจะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.38 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีนโยบายที่จะนำเงินลงทุนส่วนใหญ่ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนประเภทตราสารแห่งทุนที่จัดตั้งและลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของประเทศต่าง ๆ (Country Funds) ภูมิภาคต่าง ๆ (Regional Funds) หรือกองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก (Global Funds)
นอกจากนี้กองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นทั่วโลกที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต. โดยกองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ได้ตามความเหมาะสม ในระยะแรกกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทในกลุ่ม IXIS Asset Management Group ซึ่งรวมถึงบริษัท IXIS Asset Management โดยกองทุนอาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมบริษัทจัดการที่กองทุนลงทุนได้ กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes)