xs
xsm
sm
md
lg

อีเมอร์จิ้งมาร์เก็ตสุดฟีเวอร์!-3บลจ.จ่อส่งเงินลงทุนเกือบ2.5พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


3 บลจ.ปิดขายกองอีเมอร์จิ้งมาร์เก็ตตามเป้า "เคโกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต บอนด์" ค่ายกสิกรไทย ได้ยอดสูงลิ่วเกือบ 1,300 ล้านบาท ชูผลตอแแทนขั้นต่ำ 10% และความมั่นคงในพันธบัตรรัฐบาลที่เข้าไปลงทุน ด้าน"เอ็มเอฟซี"ไม่น้อยหน้าปิดกองทาร์เกตฟันด์ "I-20" ลุยหุ้นประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียได้ถึง 600 ล้านบาท ชี้จุดเด่นเน้นหุ้นพื้นฐานดี ขณะที่น้องใหม่ บลจ.ฟิลลิป เก็บเบาะๆ ไป 318 ล้านบาทเฉียดเป้าที่ตั้งไว้

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กองทุนเปิดเคโกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต บอนด์ (K-GEMBOND) ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 24-31 ตุลาคมที่ผ่านมา มีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนทำให้มียอดการระดมทุนในขณะนี้ประมาณ 1,300 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนเข้าซื้อหน่วยลงทุนอีกครั้งประมาณ 1-2 วันนี้

สำหรับสาเหตุที่ทำให้กองทุน K-GEMBOND ได้รับสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก มาจากอัตราเบี้ยในต่างประเทศที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยในขณะนี้ อีกทั้งมีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากกองทุนที่บริษัทเข้าไปลงทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกิดใหม่ที่มีความมั่นคงสูงจำนวน 20 ประเทศใน 4 ภูมิภาค โดยผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี

ส่วนความกังวลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนจากทิศทางของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนกับกองทุนนี้ เนื่องจากค่าเงินของตลาดเกิดใหม่ที่เข้าไปลงทุนมักจะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งทางบริษัทจะมีการทำเฮด์จจิ้งในเรื่องของค่าเงินสำหรับกองทุนนี้ด้วย

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีสามารถปิดยอดขายกองทุนรวมเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ทเวนตี้ (I-20) ได้เกือบ 600 ล้านบาทตามคาดหมาย โดยได้รับความสนใจจากผู้ถือหน่วยลงทุนและผู้สนใจลงทุนในกองทุนที่มีเป้าหมายผลตอบแทนที่แน่นอนเป็นอย่างมาก หลังจากที่กองทุนรวมเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล สปอท (I-SPOT) ประสบผลสำเร็จในการบริหารผลตอบแทนได้ 25% ตามเป้าหมายภายในปีเศษก่อนครบอายุกองทุนที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ กองทุนรวมเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ทเวนตี้ หรือ I-20 ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่ 20% ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี และมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพทั่วโลก ซึ่งจะเน้นลงทุนในประเทศแถบเอเชีย รวมถึงประเทศที่กำลังพัฒนา (Emerging Market) ในแถบเอเชียเป็นหลัก

สำหรับจุดเด่นของกองทุนรวม I-20 คือ เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทน จากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นอันเนื่องมาจากการปรับตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศที่ความมั่นคง และสามารถเลิกกองทุนทันทีไม่ต้องรอครบ 2 ปี เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 12.30 บาท เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน และมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 12 บาท หรืออีกนัยหนึ่งเลิกกองทุนก่อนครบอายุเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของเงินทุน

ด้านนายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟิลลิป กล่าวว่า หลังจากปิดเสนอขาย กองทุนเปิดฟิลลิป เอเชีย แปซิฟิค (PAP) ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีพอสมควร โดยสามารถระดมทุนได้ประมาณ 318.44 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจำนวนที่ระดมทุนได้ดังกล่าวถือว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายที่บริษัทคาดว่าจะมีลูกค้าสนใจลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังจากจดทะเบียนแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนได้อีกครั้งประมาณสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ จากเงินที่ระดมทุนมาได้ดังกล่าว ส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ของบริษัทขยับขึ้นเป็น 390 ล้านบาทจากเอยูเอ็มปัจจุบัน 72 ล้านบาทซึ่งมาจาก 2 กองทุน นั่นคือ กองทุนเปิดฟิลลิปบริหารเงิน และกองทุนเปิดฟิลลิปหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) โดยเอยูเอ็มดังกล่าวถือว่าใกล้เคียงเป้าหมายการระดมเงินทั้งปีนี้ที่คาดว่าจะมีเอยูเอ็มอยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้เชื่อว่าจะสามารถระดมทุนได้ตามเป้าแน่นอน จากกองทุนเปิดฟิลลิปบริหารเงิน ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี ประกอบกับช่วงสิ้นปีน่าจะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น