วันนี้พิธีกรรายกร “ตู้ซ่อนเงิน” เอ – วราวุธ เจนธนากุล จะมาเล่าถึงเรื่องราวส่วนตัวผ่านคอลัมน์ ผู้จัดการคุยกับนักลงทุน ในอีกมุมหนึ่งของชีวิตเกี่ยวกับการจัดสรรเงินว่าตั้งแต่เป็นเด็กมาจนถึงทุกวันนี้ มีการบริหารเงินหรือเก็บออมเงินอย่างไรบ้าง และกับตำแหน่งผู้ช่วยประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด นั้นต้องทำอะไรบ้าง
เอ เริ่มเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันทำงานประจำอยู่ที่ บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่งผู้ช่วยประธานกรรมการ โดยจะดูในเรื่อง โปรเจคการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบันดูในเรื่องของการลงทุนในประเทศจีนเป็นหลัก เพราะตอนนี้ จีนกำลังมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกำลังของผู้บริโภคเองก็มีศักยภาพสูงขึ้น อีกทั้งในปีหน้าจีนจะมีการจัดกีฬาโอลิมปิก ทำให้มีการก่อสร้างมีค่อนข้างมาก ดังนั้นการบริโภคการใช้จ่ายในปีหน้าจะมีเพิ่มมากขึ้น
นอกจากบทบาทการเป็นผู้บริหารแล้ว ปัจจุบันเขายังเป็นพิธีการรายการ "ตู้ซ่อนเงิน" ซึ่งจะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลาสี่ทุ่มทางช่อง 5 โดย "เอ" บอกว่า กับงานพิธีกรนั้นได้มาอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านบริษัททรูฯ ได้เชิญผู้บริหารต่าง ๆ มาดูงานยังประเทศจีนและการดูงานครั้งนี้เองก็มีผู้บริหารจากบริษัทเวิร์คพอยท์ฯ มาร่วมด้วย ซึ่งทางผู้ใหญ่ของบริษัทเวิร์คพอยท์ฯ ได้เห็นขณะตอนที่เสนองานงานจึงเกิดความสนใจและชักชวนให้มาเป็นพิธีกรรายการดังกล่าว ซึ่งครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเราไม่มีพื้นฐานกับงานตรงนี้มาก่อน แต่เมื่อทำไปสักระยะหนึ่งก็เกิดความรู้สึกชอบกับงานพิธีกร
เขาบอกว่า งานทั้งสองอย่างต่างให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันนั้นคือการทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น กล้าที่จะแสดงออกในที่สาธารณชนมากขึ้น ส่วนของเรื่องเวลาการทำงานประจำกับงานพิธีการนั้น เอบอกว่า ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะการถ่ายทำรายการตู้ซ่อนเงินนั้น เป็นการบันทึกเทปล่วงหน้า ซึ่งจะบันทึก เดือนละครั้งเท่านั้น
สำหรับหลักและแนวคิดในการทำงานของเอนั้น เขาบอกว่า “อย่างแรกเลยคือต้องทำโอกาสที่เราได้รับให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลของการกระทำจะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า ถ้าไม่เป็นผลดีก็ไม่ต้องไปเสียใจ เพราะเราทำมันเต็มที่แล้ว แต่ในครั้งต่อ ๆ ไป เมื่อได้รับโอกาสในการทำงานอีกครั้ง เราควรที่จะต้องคิดให้รอบคอบมากกว่าเก่า โดยนำประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เคยผิดพลาดนำมาปรับใช้เพื่อเป็นบทเรียนในครั้งต่อไป เพื่อให้งานใหม่ดียิ่งขึ้นหรือเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด นอกจากนี้แล้วเวลาทำงานเราไม่ได้ทำเพียงคนเดียว ดังนั้นเราต้องให้เกียรติเพื่อนร่วมงานน ต้องทำให้เพื่อนร่วมงานไม่ลำบากใจ และงานนั้นก็จะออกมาดีตามที่เราได้ตั้งใจไว้”
เอ บอกต่ออีกว่า เมื่อมีเวลาว่างจากการทำงานจะชอบไปพักผ่อนที่ทะเล ซึ่งจะชอบไปนั่งดูเคลื่อนทะเลโดยมันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และถ้าช่วงไหนมีเวลาพักผ่อนไม่มากก็จะชอบไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน นอกจากนี้แล้วการพักผ่อนอีกหนึ่งสิ่งที่เอชอบมากที่สุดนั้นคือการอยู่กับบ้านก็ถือได้ว่าเป็นการผ่อนคลายที่ดีด้วย
เข้าเรื่องของการออมเงินกันบ้าง เอ บอกว่า เมื่อครั้งสมัยเป็นเด็กครอบครัวได้มีการปลูกฝังเรื่องของการออมเงินให้รู้จักประหยัดและคุณค่าของเงินเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเราเป็นลูกชายคนโตคุณพ่อคุณเม่จึงอย่างให้เป็นแบบอย่างดีกับน้อง ๆ
รายได้ก้อนแรกที่เอสามารถหาได้ด้วยตัวเองนั้น คือ หลังจากที่เรียนจบจากคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนก้อนแรกจำนวน 15,000 บาท ซึ่งในช่วงแรก การจัดสรรเงินดังกล่าวยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากนัก เนื่องจากว่ายังอยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่อย่างไรก็ตามจากเงินที่ได้ในแต่ละเดือนก็จะแบ่งเก็บไว้ประมาณ 10% เพื่อเป็นการฝึกตัวเองให้มีวินัยทางการเงินด้วย
สำหรับรายได้ในปัจจุบันเอจะแบ่งไว้ 40% สำหรับการออม โดยหลัก ๆ 30% จะออมด้วยการฝากประจำกับทางธนาคาร ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ลงทุนในหุ้นด้วย ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นเอบอกว่า เล่นมาตังแต่อายุ 25 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในบริษัทมีศักยภาพสูง สามารถทำกำไรได้ โดยจะเข้าไปลงทุนในช่วงระยะยาวมากกว่าระยะสั้น เพราะมองว่าน่าจะผลตอบแทนที่ดีกว่า ปัจจุบันหุ้นที่ลงเล่นนั้นจะเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก พลังงาน แบงก์ และกลุ่มเทเลคอม
เอบอกว่า อยากให้ทุกคนตระหนักถึงการออมให้มาก ๆ เพราะมันจะมีความสำคัญกับเรามากเมื่อเกิดยามฉุกเฉิน สิ่งที่ไม่คาดฝันย่อมเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเงินก้อนดังกล่าวที่เราเก็บมันจะสามารถนำมาใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องเดือดร้อนคนอื่น ซึ่งอยากให้ทุกคนรู้จักการวางแผนการใช้เงินที่ดีด้วย สำหรับผู้ที่คิดอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็ต้องมีการออมตั้งแต่วันนี้ และจากภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนการลงทุนอะไรก็ตามต้องดูให้ดีอย่างรอบคอบ
ส่วนอนาคตเอบอกว่า อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองเกี่ยวกับด้านการศึกษา การผลิตหนังสือ และอุปกรณ์ด้านการศึกษา เพราะโดยพื้นฐานของการศึกษาจะทำให้คนมีความรู้ สามารถเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้รับสิ่งดี ๆ มากขึ้น และสามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้
เอปิดท้ายว่า ในช่วงเศรษฐกิจที่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง การฝากเงินไว้กับแบงค์ม่าควรเกิน 1 – 2 ปี ส่วนคนที่อยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองควรจะศึกษาอย่างรอบคอบ เมื่อรู้ว่าไม่มีความเชี่ยวชาญหรือมีความรู้ไม่มากพอก็ยังไม่ควรคิดที่จะลงทุน และในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้การเก็บเงินสดไว้กับตัวเป็นการดีที่สุด
///
ล้อมกรอบ
ชื่อ – นามสกุล วราวุธ เจนธนากุล (เอ)
วันเดือนปีเกิด 28 สิงหาคม 2519
จบการศึกษา ปริญญาโท บริหารธุรกิจ Kellogg School of Management มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น
รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา
ปริญญาตรีเกียรตินิยม คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
งานปัจจุบัน ผู้ช่วยประธานกรรมการ บริษัท ทรูวิชั่น จำกัด
พิธีกรรายการ ตู้ซ่อนเงิน
เอ เริ่มเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันทำงานประจำอยู่ที่ บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่งผู้ช่วยประธานกรรมการ โดยจะดูในเรื่อง โปรเจคการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบันดูในเรื่องของการลงทุนในประเทศจีนเป็นหลัก เพราะตอนนี้ จีนกำลังมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกำลังของผู้บริโภคเองก็มีศักยภาพสูงขึ้น อีกทั้งในปีหน้าจีนจะมีการจัดกีฬาโอลิมปิก ทำให้มีการก่อสร้างมีค่อนข้างมาก ดังนั้นการบริโภคการใช้จ่ายในปีหน้าจะมีเพิ่มมากขึ้น
นอกจากบทบาทการเป็นผู้บริหารแล้ว ปัจจุบันเขายังเป็นพิธีการรายการ "ตู้ซ่อนเงิน" ซึ่งจะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลาสี่ทุ่มทางช่อง 5 โดย "เอ" บอกว่า กับงานพิธีกรนั้นได้มาอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านบริษัททรูฯ ได้เชิญผู้บริหารต่าง ๆ มาดูงานยังประเทศจีนและการดูงานครั้งนี้เองก็มีผู้บริหารจากบริษัทเวิร์คพอยท์ฯ มาร่วมด้วย ซึ่งทางผู้ใหญ่ของบริษัทเวิร์คพอยท์ฯ ได้เห็นขณะตอนที่เสนองานงานจึงเกิดความสนใจและชักชวนให้มาเป็นพิธีกรรายการดังกล่าว ซึ่งครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเราไม่มีพื้นฐานกับงานตรงนี้มาก่อน แต่เมื่อทำไปสักระยะหนึ่งก็เกิดความรู้สึกชอบกับงานพิธีกร
เขาบอกว่า งานทั้งสองอย่างต่างให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันนั้นคือการทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น กล้าที่จะแสดงออกในที่สาธารณชนมากขึ้น ส่วนของเรื่องเวลาการทำงานประจำกับงานพิธีการนั้น เอบอกว่า ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะการถ่ายทำรายการตู้ซ่อนเงินนั้น เป็นการบันทึกเทปล่วงหน้า ซึ่งจะบันทึก เดือนละครั้งเท่านั้น
สำหรับหลักและแนวคิดในการทำงานของเอนั้น เขาบอกว่า “อย่างแรกเลยคือต้องทำโอกาสที่เราได้รับให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลของการกระทำจะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า ถ้าไม่เป็นผลดีก็ไม่ต้องไปเสียใจ เพราะเราทำมันเต็มที่แล้ว แต่ในครั้งต่อ ๆ ไป เมื่อได้รับโอกาสในการทำงานอีกครั้ง เราควรที่จะต้องคิดให้รอบคอบมากกว่าเก่า โดยนำประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เคยผิดพลาดนำมาปรับใช้เพื่อเป็นบทเรียนในครั้งต่อไป เพื่อให้งานใหม่ดียิ่งขึ้นหรือเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด นอกจากนี้แล้วเวลาทำงานเราไม่ได้ทำเพียงคนเดียว ดังนั้นเราต้องให้เกียรติเพื่อนร่วมงานน ต้องทำให้เพื่อนร่วมงานไม่ลำบากใจ และงานนั้นก็จะออกมาดีตามที่เราได้ตั้งใจไว้”
เอ บอกต่ออีกว่า เมื่อมีเวลาว่างจากการทำงานจะชอบไปพักผ่อนที่ทะเล ซึ่งจะชอบไปนั่งดูเคลื่อนทะเลโดยมันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และถ้าช่วงไหนมีเวลาพักผ่อนไม่มากก็จะชอบไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน นอกจากนี้แล้วการพักผ่อนอีกหนึ่งสิ่งที่เอชอบมากที่สุดนั้นคือการอยู่กับบ้านก็ถือได้ว่าเป็นการผ่อนคลายที่ดีด้วย
เข้าเรื่องของการออมเงินกันบ้าง เอ บอกว่า เมื่อครั้งสมัยเป็นเด็กครอบครัวได้มีการปลูกฝังเรื่องของการออมเงินให้รู้จักประหยัดและคุณค่าของเงินเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเราเป็นลูกชายคนโตคุณพ่อคุณเม่จึงอย่างให้เป็นแบบอย่างดีกับน้อง ๆ
รายได้ก้อนแรกที่เอสามารถหาได้ด้วยตัวเองนั้น คือ หลังจากที่เรียนจบจากคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนก้อนแรกจำนวน 15,000 บาท ซึ่งในช่วงแรก การจัดสรรเงินดังกล่าวยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากนัก เนื่องจากว่ายังอยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่อย่างไรก็ตามจากเงินที่ได้ในแต่ละเดือนก็จะแบ่งเก็บไว้ประมาณ 10% เพื่อเป็นการฝึกตัวเองให้มีวินัยทางการเงินด้วย
สำหรับรายได้ในปัจจุบันเอจะแบ่งไว้ 40% สำหรับการออม โดยหลัก ๆ 30% จะออมด้วยการฝากประจำกับทางธนาคาร ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ลงทุนในหุ้นด้วย ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นเอบอกว่า เล่นมาตังแต่อายุ 25 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในบริษัทมีศักยภาพสูง สามารถทำกำไรได้ โดยจะเข้าไปลงทุนในช่วงระยะยาวมากกว่าระยะสั้น เพราะมองว่าน่าจะผลตอบแทนที่ดีกว่า ปัจจุบันหุ้นที่ลงเล่นนั้นจะเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก พลังงาน แบงก์ และกลุ่มเทเลคอม
เอบอกว่า อยากให้ทุกคนตระหนักถึงการออมให้มาก ๆ เพราะมันจะมีความสำคัญกับเรามากเมื่อเกิดยามฉุกเฉิน สิ่งที่ไม่คาดฝันย่อมเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเงินก้อนดังกล่าวที่เราเก็บมันจะสามารถนำมาใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องเดือดร้อนคนอื่น ซึ่งอยากให้ทุกคนรู้จักการวางแผนการใช้เงินที่ดีด้วย สำหรับผู้ที่คิดอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็ต้องมีการออมตั้งแต่วันนี้ และจากภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนการลงทุนอะไรก็ตามต้องดูให้ดีอย่างรอบคอบ
ส่วนอนาคตเอบอกว่า อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองเกี่ยวกับด้านการศึกษา การผลิตหนังสือ และอุปกรณ์ด้านการศึกษา เพราะโดยพื้นฐานของการศึกษาจะทำให้คนมีความรู้ สามารถเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้รับสิ่งดี ๆ มากขึ้น และสามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้
เอปิดท้ายว่า ในช่วงเศรษฐกิจที่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง การฝากเงินไว้กับแบงค์ม่าควรเกิน 1 – 2 ปี ส่วนคนที่อยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองควรจะศึกษาอย่างรอบคอบ เมื่อรู้ว่าไม่มีความเชี่ยวชาญหรือมีความรู้ไม่มากพอก็ยังไม่ควรคิดที่จะลงทุน และในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้การเก็บเงินสดไว้กับตัวเป็นการดีที่สุด
///
ล้อมกรอบ
ชื่อ – นามสกุล วราวุธ เจนธนากุล (เอ)
วันเดือนปีเกิด 28 สิงหาคม 2519
จบการศึกษา ปริญญาโท บริหารธุรกิจ Kellogg School of Management มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น
รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา
ปริญญาตรีเกียรตินิยม คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
งานปัจจุบัน ผู้ช่วยประธานกรรมการ บริษัท ทรูวิชั่น จำกัด
พิธีกรรายการ ตู้ซ่อนเงิน


