บลจ.ทิสโก้เดินหน้าหาลูกค้าเข้าไพรเวทฟันด์ หลังเดือนสิงหายอดเพิ่ม 440 ล้านบาท คาดสิ้นปียอดทะลุเป้าเดิมแตะ 30,000 ล้านบาท เผยได้รับความไว้วางใจของลูกค้า และการบอกต่อๆ กันไป พร้อมชมนโยบายเปิดทางกองทุนส่วนบุคคลงทุนต่างประเทศของ ก.ล.ต. จะทำให้นักลงทุนมีทางเลือก และผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนอีกด้วย
นายธีนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การที่อัตราการเติบโตของกองทุนส่วนบคุคล หรือไพรเวทฟันด์ ที่บริษัทดูแลอยู่ในช่วงนี้มีมูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การดูแลเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความไว้วางใจของลูกค้าเกี่ยวกับการบริหารของบริษัท ประกอบกับทางบริษัทเองก็ได้พยายามขยายฐานของลูกค้าให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงเวลาที่เหลือของปี คาดว่ากองทุนน่าจะขยายขนาดขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาทได้ในช่วงสิ้นปีนี้ ทั้งนี้มูลค่าของกองทุนรวมส่วนบุคคลที่บริษัทดูแลอยู่ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 29,600 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ก่อนหน้านี้
"ลูกค้าที่ให้เราดูแลในเรื่องของไพรเวทฟันด์มีจำนวนกองเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความไว้วางใจและบอกต่อกันไปๆ ของลูกค้า โดยขณะนี้การขยายตัวของสินทรัพย์สุทธิภายใต้การดูแลของกองทุนประเภทนี้ก็เกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในตอนต้นแล้ว แต่จะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นที่ 1 ในการจัดอันดับของสมาคมบลจ.ได้หรือเปล่าคงไม่ถึงขนาดนั้น ซึ่งก็แล้วแต่ลูกค้าอีกด้วยว่าจะให้ความไว้วางใจเราขนาดไหน"นายธีรนาถกล่าว
สำหรับสัดส่วนในการลงทุนของไพรเวทฟันด์นั้น ส่วนหนึ่งจะเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า และบางครั้งบริษัทเองก็อาจมีการเสนอแนวทางในการลงทุนเบื้องต้นไปให้ก่อนด้วย โดยที่เราจะดูตามลักษณะความต้องการของลูกค้าเป็นหลักว่าสามารถแบกรับความเสี่ยง และต้องการผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนมากน้อยขนาดไหน ซึ่งในความเป็นจริงลูกค้าบางคนอาจชอบที่จะลงทุนในหุ้น หรืออาจะชอบในกองทุนรวมผสม เพื่อการกระจายความเสี่ยงก็ได้ ทางบริษัทจึงต้องคำนึงถึงความต้องการในลักษณะนี้แล้วพยายจัดสรรให้ดีที่สุด
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า สำหรับการที่ ก.ล.ต.เตรียมอนุญาตให้กองทุนส่วนบุคคลสามารถออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก เพราะทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนออกไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ารายใหญ่ของเราก็มีความต้องการที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศอยู่ โดยสังเกตได้จากการที่ผู้ลงทุนรายใหญ่ของบริษัทให้การตอบรับการกับเปิดตัวกองทุนใหม่ ไชน่าอินเดีย อินดิวิเด้นด์ ฟันด์ เป็นอย่างดี
โดยจากข้อมูล ในช่วงที่ผ่านมาของการลงทุนในต่างประเทศถือว่ามีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ดีตามที่นักลงทุนคาดหวัง และมีความเสี่ยงต่ำลง ซึ่งทำให้มีนักลงทุนนิยมเข้าไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยหลังจากนี้ทางบริษัทก็จะมีการสร้างความเข้าใจกับลูกค้าในเรื่องนี้ด้วย
“การที่ ก.ล.ต.เปิดทางให้กองทุนส่วนบุคคลสามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้ถือเป็นเรื่องดีอย่างมาก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งจากตัวเลขข้อมูลที่ผ่านมา การลงทุนในต่างประเทศสามารถเพิ่มผลตอบแทนผู้ลงทุนได้ และถือเป็นการกระจายความเสี่ยงได้อีกด้วย” นายธีนาถกล่าว
ทั้งนี้จากรายงานของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้มียอดสินทรัพย์รวมของกองทุนส่วนบุคคล ณ เดือนสิงหาคม 2550 อยู่ที่ 27,944.77 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 440.40 ล้านบาท และจำนวนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การดูแลจำนวน 151 กองเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วจำนวน 7 กอง โดยอยู่ในอันดับ 2 ตามหลัง บลจ.กสิกรไทย จำกัด ที่มีทรัพย์สินรวมของกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 32,334.97 ล้านบาท และมีกองทุนที่ดูแลอยู่จำนวน 234 กอง จากการจัดอันดับของสมาคมฯ
นายธีนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การที่อัตราการเติบโตของกองทุนส่วนบคุคล หรือไพรเวทฟันด์ ที่บริษัทดูแลอยู่ในช่วงนี้มีมูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การดูแลเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความไว้วางใจของลูกค้าเกี่ยวกับการบริหารของบริษัท ประกอบกับทางบริษัทเองก็ได้พยายามขยายฐานของลูกค้าให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงเวลาที่เหลือของปี คาดว่ากองทุนน่าจะขยายขนาดขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาทได้ในช่วงสิ้นปีนี้ ทั้งนี้มูลค่าของกองทุนรวมส่วนบุคคลที่บริษัทดูแลอยู่ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 29,600 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ก่อนหน้านี้
"ลูกค้าที่ให้เราดูแลในเรื่องของไพรเวทฟันด์มีจำนวนกองเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความไว้วางใจและบอกต่อกันไปๆ ของลูกค้า โดยขณะนี้การขยายตัวของสินทรัพย์สุทธิภายใต้การดูแลของกองทุนประเภทนี้ก็เกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในตอนต้นแล้ว แต่จะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นที่ 1 ในการจัดอันดับของสมาคมบลจ.ได้หรือเปล่าคงไม่ถึงขนาดนั้น ซึ่งก็แล้วแต่ลูกค้าอีกด้วยว่าจะให้ความไว้วางใจเราขนาดไหน"นายธีรนาถกล่าว
สำหรับสัดส่วนในการลงทุนของไพรเวทฟันด์นั้น ส่วนหนึ่งจะเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า และบางครั้งบริษัทเองก็อาจมีการเสนอแนวทางในการลงทุนเบื้องต้นไปให้ก่อนด้วย โดยที่เราจะดูตามลักษณะความต้องการของลูกค้าเป็นหลักว่าสามารถแบกรับความเสี่ยง และต้องการผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนมากน้อยขนาดไหน ซึ่งในความเป็นจริงลูกค้าบางคนอาจชอบที่จะลงทุนในหุ้น หรืออาจะชอบในกองทุนรวมผสม เพื่อการกระจายความเสี่ยงก็ได้ ทางบริษัทจึงต้องคำนึงถึงความต้องการในลักษณะนี้แล้วพยายจัดสรรให้ดีที่สุด
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า สำหรับการที่ ก.ล.ต.เตรียมอนุญาตให้กองทุนส่วนบุคคลสามารถออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก เพราะทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนออกไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ารายใหญ่ของเราก็มีความต้องการที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศอยู่ โดยสังเกตได้จากการที่ผู้ลงทุนรายใหญ่ของบริษัทให้การตอบรับการกับเปิดตัวกองทุนใหม่ ไชน่าอินเดีย อินดิวิเด้นด์ ฟันด์ เป็นอย่างดี
โดยจากข้อมูล ในช่วงที่ผ่านมาของการลงทุนในต่างประเทศถือว่ามีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ดีตามที่นักลงทุนคาดหวัง และมีความเสี่ยงต่ำลง ซึ่งทำให้มีนักลงทุนนิยมเข้าไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยหลังจากนี้ทางบริษัทก็จะมีการสร้างความเข้าใจกับลูกค้าในเรื่องนี้ด้วย
“การที่ ก.ล.ต.เปิดทางให้กองทุนส่วนบุคคลสามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้ถือเป็นเรื่องดีอย่างมาก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งจากตัวเลขข้อมูลที่ผ่านมา การลงทุนในต่างประเทศสามารถเพิ่มผลตอบแทนผู้ลงทุนได้ และถือเป็นการกระจายความเสี่ยงได้อีกด้วย” นายธีนาถกล่าว
ทั้งนี้จากรายงานของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้มียอดสินทรัพย์รวมของกองทุนส่วนบุคคล ณ เดือนสิงหาคม 2550 อยู่ที่ 27,944.77 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 440.40 ล้านบาท และจำนวนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การดูแลจำนวน 151 กองเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วจำนวน 7 กอง โดยอยู่ในอันดับ 2 ตามหลัง บลจ.กสิกรไทย จำกัด ที่มีทรัพย์สินรวมของกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 32,334.97 ล้านบาท และมีกองทุนที่ดูแลอยู่จำนวน 234 กอง จากการจัดอันดับของสมาคมฯ