โดย ดร. สมจินต์ ศรไพศาล
บลจ. วรรณ จำกัด
นึกย้อนหลังไปเมื่อประมาณห้าหกปีที่แล้วเห็นจะได้ ผมได้มีโอกาสได้รู้จัก ETF (Exchange Traded Fund) เป็นครั้งแรกโดยการฟังการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่กระทรวงการคลัง โดยมีตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์เข้าร่วมประชุมด้วย ผมมีความประทับใจในคุณสมบัติของ ETF เป็นอย่างมาก ในความเป็นกองทุนดัชนีที่มีการกระจายการลงทุนในหมู่หุ้นชั้นนำอย่างกรณี S&P500 หรือ NASDAQ100 แต่สามารถซื้อง่ายขายคล่องแบบเดียวกับหุ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและการซื้อขายต่ำ ซ้ำยังมีผู้ดูแลสภาพคล่อง (market maker) คอยเสนอซื้อขายเพื่อให้แน่ใจว่านักลงทุนทั่วไปที่อยากซื้อก็มีผู้ขายให้ อยากขายก็มีผู้รับซื้อ จากนั้นมาก็เริ่มศึกษา ETF แล้วก็ได้เห็นพัฒนาการของ ETF อย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันมี ETF ทั่วโลกกว่า 1,000 กองด้วยมูลค่ากว่า 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการเติบโตเฉลี่ยกว่า 70% ต่อปีในช่วง 13-14 ปีที่ผ่านมา
ความเป็นที่นิยมของ ETF ไม่ได้เป็นความบังเอิญแต่เกิดจากสถาปัตยกรรมทางการเงินที่ยอดเยี่ยม ทำให้เกิดเป็นเครื่องมือลงทุนที่เปี่ยมประสิทธิภาพสามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยากดังนี้ คือประการแรก แม้ว่า ETF จะมีลักษณะเป็นกองทุนแต่อาจมองได้ว่า ETF มีความคล้ายหุ้นที่รวบหุ้นสำคัญๆ ต่างๆ มาไว้ใน ETF ตัวเดียวอย่าง BGI ซึ่งเป็นเจ้าตลาดรายสำคัญเขาตั้งชื่อ ETF ว่า iShare ซึ่งคงจะพากย์ไทยได้ว่าหุ้นดัชนี iShare ของ S&P500 ก็คือ ETF ที่มุ่งให้ได้ผลตอบแทนเหมือนๆ กับดัชนี S&P500 ถือ iShare ตัวนี้คล้ายๆ กับเป็นเจ้าของหุ้นยักษ์ใหญ่ทั้ง 500 ของดัชนี S&P
สำหรับประเทศไทยซึ่งกำลังจะเปิดขาย ETF หุ้นทุนเป็นครั้งแรกในชื่อ ThaiDEX SET50 ETF ในวันที่ 21-28 ส.ค.นี้สำหรับการจองซื้อของนักลงทุนทั่วไปนั้น ก็จะเป็น ETF ที่ลงทุนแล้วคล้ายๆ กับการลงทุนหุ้นชั้นนำทั้ง 50 ตัว ในดัชนี SET50 ของเรา
ผมเองมีความศรัทธาใน ETF ในฐานะของเครื่องมือลงทุนเปี่ยมประสิทธิภาพที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกได้ลงทุนได้ง่ายขึ้น มีความประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และมีความเชื่อว่า ThaiDEX SET50 ETF ก็น่าจะประสบความสำเร็จในการให้โอกาสในการลงทุนที่ดีแก่นักลงทุนไทยในลักษณะเดียวกัน
แน่นอนแค่เรียกว่า ETF เหมือนกันใช่ว่าจะรับประกันว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนกันเสมอไป แต่ความสำเร็จต้องมาจากคุณสมบัติที่ดีของ ThaiDEX SET50 ETF ด้วยว่าจะสามารถให้ประสิทธิภาพการลงทุนที่ดีจริงหรือไม่
ในการลงทุนนั้น ประสิทธิภาพหมายถึงผลตอบแทนต่อหน่วยความเสี่ยงที่ดี กล่าวคือ ถ้าเครื่องมือใดสามารถเพิ่มผลตอบแทนหรือลดความเสี่ยงได้ ก็เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนได้ การที่ลงทุนใน ThaiDEX SET50 ETFแล้วเหมือนๆ กับการลงทุนในหุ้นที่คัดว่าเป็นหุ้นใหญ่ และมีสภาพคล่องดี 50 ตัวนั้น ทำให้ประหยัดต้นทุนในการเลือกในการจัดการลงทุนของผู้ลงทุนอย่างมาก มีผลต่อการได้ผลตอบแทนคาดหวังที่ค่อนข้างดี
การที่ ThaiDEX SET50 ETF จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีผู้ดูแลสภาพคล่อง ทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องลดลง ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายขั้นต่ำของ ThaiDEX SET50 ETF ก็ค่อนข้างถูก คือ 0.10% ประกอบกับการกำหนดให้ช่วงราคาซื้อขายค่อนข้างแคบ ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายลดลงได้อย่างมาก
นอกจากนี้ การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังเอื้อให้เกิดเครื่องมือการซื้อขายที่ทรงพลัง เช่น การเคาะซื้อในราคาตลาดเลย (Market Order) การตั้งซื้อหรือเสนอขายในราคาที่ตนเองพอใจ (Limit Order) ตลอดจนคำสั่งประเภท Stop Loss Order เพื่อตัดการขาดทุน ล้วนสามารถช่วยให้การตัดสินใจลงทุน และการจัดการลงทุนนั้นเปี่ยมประสิทธิภาพขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ผมเชื่อมั่นว่า ThaiDEX SET50 ETF จะกลายเป็นแกนหลักของพอร์ตการลงทุนในหุ้นทุนของผู้ลงทุนเป็นจำนวนมากเหมือนอย่างที่เป็นมาแล้วในต่างประเทศ
21 – 28 สิงหาคมนี้ จึงเป็นช่วงที่ผู้สนใจสามารถจองซื้อได้ที่ผู้ขายหน่วยลงทุน ซึ่ง ณ ปัจจุบันประกอบด้วย ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอีก 21 แห่ง โดยขั้นต่ำสำหรับการจองซื้อจะเป็น 5,000 บาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท
ผมจึงอยากชวนท่านผู้อ่าน สละเวลาศึกษาความน่าสนใจและความเสี่ยงของการลงทุนใน ThaiDEX SET50 ETF นี้อย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้ใช้เครื่องมือการลงทุนใหม่นี้ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งของท่านต่อไป
บลจ. วรรณ จำกัด
นึกย้อนหลังไปเมื่อประมาณห้าหกปีที่แล้วเห็นจะได้ ผมได้มีโอกาสได้รู้จัก ETF (Exchange Traded Fund) เป็นครั้งแรกโดยการฟังการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่กระทรวงการคลัง โดยมีตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์เข้าร่วมประชุมด้วย ผมมีความประทับใจในคุณสมบัติของ ETF เป็นอย่างมาก ในความเป็นกองทุนดัชนีที่มีการกระจายการลงทุนในหมู่หุ้นชั้นนำอย่างกรณี S&P500 หรือ NASDAQ100 แต่สามารถซื้อง่ายขายคล่องแบบเดียวกับหุ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและการซื้อขายต่ำ ซ้ำยังมีผู้ดูแลสภาพคล่อง (market maker) คอยเสนอซื้อขายเพื่อให้แน่ใจว่านักลงทุนทั่วไปที่อยากซื้อก็มีผู้ขายให้ อยากขายก็มีผู้รับซื้อ จากนั้นมาก็เริ่มศึกษา ETF แล้วก็ได้เห็นพัฒนาการของ ETF อย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันมี ETF ทั่วโลกกว่า 1,000 กองด้วยมูลค่ากว่า 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการเติบโตเฉลี่ยกว่า 70% ต่อปีในช่วง 13-14 ปีที่ผ่านมา
ความเป็นที่นิยมของ ETF ไม่ได้เป็นความบังเอิญแต่เกิดจากสถาปัตยกรรมทางการเงินที่ยอดเยี่ยม ทำให้เกิดเป็นเครื่องมือลงทุนที่เปี่ยมประสิทธิภาพสามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยากดังนี้ คือประการแรก แม้ว่า ETF จะมีลักษณะเป็นกองทุนแต่อาจมองได้ว่า ETF มีความคล้ายหุ้นที่รวบหุ้นสำคัญๆ ต่างๆ มาไว้ใน ETF ตัวเดียวอย่าง BGI ซึ่งเป็นเจ้าตลาดรายสำคัญเขาตั้งชื่อ ETF ว่า iShare ซึ่งคงจะพากย์ไทยได้ว่าหุ้นดัชนี iShare ของ S&P500 ก็คือ ETF ที่มุ่งให้ได้ผลตอบแทนเหมือนๆ กับดัชนี S&P500 ถือ iShare ตัวนี้คล้ายๆ กับเป็นเจ้าของหุ้นยักษ์ใหญ่ทั้ง 500 ของดัชนี S&P
สำหรับประเทศไทยซึ่งกำลังจะเปิดขาย ETF หุ้นทุนเป็นครั้งแรกในชื่อ ThaiDEX SET50 ETF ในวันที่ 21-28 ส.ค.นี้สำหรับการจองซื้อของนักลงทุนทั่วไปนั้น ก็จะเป็น ETF ที่ลงทุนแล้วคล้ายๆ กับการลงทุนหุ้นชั้นนำทั้ง 50 ตัว ในดัชนี SET50 ของเรา
ผมเองมีความศรัทธาใน ETF ในฐานะของเครื่องมือลงทุนเปี่ยมประสิทธิภาพที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกได้ลงทุนได้ง่ายขึ้น มีความประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และมีความเชื่อว่า ThaiDEX SET50 ETF ก็น่าจะประสบความสำเร็จในการให้โอกาสในการลงทุนที่ดีแก่นักลงทุนไทยในลักษณะเดียวกัน
แน่นอนแค่เรียกว่า ETF เหมือนกันใช่ว่าจะรับประกันว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนกันเสมอไป แต่ความสำเร็จต้องมาจากคุณสมบัติที่ดีของ ThaiDEX SET50 ETF ด้วยว่าจะสามารถให้ประสิทธิภาพการลงทุนที่ดีจริงหรือไม่
ในการลงทุนนั้น ประสิทธิภาพหมายถึงผลตอบแทนต่อหน่วยความเสี่ยงที่ดี กล่าวคือ ถ้าเครื่องมือใดสามารถเพิ่มผลตอบแทนหรือลดความเสี่ยงได้ ก็เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนได้ การที่ลงทุนใน ThaiDEX SET50 ETFแล้วเหมือนๆ กับการลงทุนในหุ้นที่คัดว่าเป็นหุ้นใหญ่ และมีสภาพคล่องดี 50 ตัวนั้น ทำให้ประหยัดต้นทุนในการเลือกในการจัดการลงทุนของผู้ลงทุนอย่างมาก มีผลต่อการได้ผลตอบแทนคาดหวังที่ค่อนข้างดี
การที่ ThaiDEX SET50 ETF จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีผู้ดูแลสภาพคล่อง ทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องลดลง ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายขั้นต่ำของ ThaiDEX SET50 ETF ก็ค่อนข้างถูก คือ 0.10% ประกอบกับการกำหนดให้ช่วงราคาซื้อขายค่อนข้างแคบ ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายลดลงได้อย่างมาก
นอกจากนี้ การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังเอื้อให้เกิดเครื่องมือการซื้อขายที่ทรงพลัง เช่น การเคาะซื้อในราคาตลาดเลย (Market Order) การตั้งซื้อหรือเสนอขายในราคาที่ตนเองพอใจ (Limit Order) ตลอดจนคำสั่งประเภท Stop Loss Order เพื่อตัดการขาดทุน ล้วนสามารถช่วยให้การตัดสินใจลงทุน และการจัดการลงทุนนั้นเปี่ยมประสิทธิภาพขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ผมเชื่อมั่นว่า ThaiDEX SET50 ETF จะกลายเป็นแกนหลักของพอร์ตการลงทุนในหุ้นทุนของผู้ลงทุนเป็นจำนวนมากเหมือนอย่างที่เป็นมาแล้วในต่างประเทศ
21 – 28 สิงหาคมนี้ จึงเป็นช่วงที่ผู้สนใจสามารถจองซื้อได้ที่ผู้ขายหน่วยลงทุน ซึ่ง ณ ปัจจุบันประกอบด้วย ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอีก 21 แห่ง โดยขั้นต่ำสำหรับการจองซื้อจะเป็น 5,000 บาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท
ผมจึงอยากชวนท่านผู้อ่าน สละเวลาศึกษาความน่าสนใจและความเสี่ยงของการลงทุนใน ThaiDEX SET50 ETF นี้อย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้ใช้เครื่องมือการลงทุนใหม่นี้ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งของท่านต่อไป