xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านชำรากยังผวาหวั่นไทย-กัมพูชาปะทะรอบ 3 เผยแม้หยุดยิงแต่ก็ทิ้งลูกระเบิดในสวนทุเรียนให้ดูต่างหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





ตราด –
ชาวบ้านชำราก จ.ตราด ยังนอนไม่หลับ ผวาไทย-กัมพูชาอาจมีปะทะรอบ 3 แม้มีข้อตกลงหยุดยิง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.3 พาดูลุกระเบิดปืนใหญ่เขมร 2 ลูกที่ยังไม่ระเบิดในสวนทุเรียนชาวบ้านอยู่ระหว่างรอ จนท.เก็บกู้

วันนี้ (29 ธ.ค.) นายอัมพร อาชีวะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม. 3 บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมืองตราด ได้นำผู้สื่อข่าวสำรวจหลุมระเบิด 2 หลุมจากกระสุนปืนใหญ่ของฝั่งกัมพูชาที่ยิงมาตกในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้กระสุนปืนใหญ่ทั้ง 2 หลุมยังไม่ระเบิดและอยู่ระหว่างรอการเก็บกู้ โดยจุดแรกพบว่า กระสุนปืนใหญ่ตกลงใกล้ต้นทุเรียนในสวนทุเรียนของชาวบ้านที่อยู่ห่างจากเขาบรรทัดเพียง 500 เมตร และอยู่ห่างพื้นที่ปะทะประมาณ 2.5 กิโลเมตรแต่หัวกระสุนยังไม่ระเบิด เจ้าหน้าที่จึงได้นำเชือกมากั้นพื้นที่ไว้เพื่อห้ามไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่

นอกจากนี้ยังพบว่า ต้นทุเรียนบางต้นออกลูกแล้วและอยู่ระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนมกราคม ส่วนบางต้นออกดอก ออกลูกแล้วเช่นกัน

ส่วนจุดที่ 2 พบว่าอยุ่ห่างจากสวนทุเรียนประมาณ 200 เมตร โดยหัวกระสุนฝั่งอยู่ใต้ถนนคอนกรีต เจ้าหน้าที่จึงนำกรวยมาตั้งว่าไว้เพื่อความปลอดภัยและรอการเก็บกู้


นายอัมพร ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าเฉพาะพื้นที่บ้านหนองรี มีกระสุนปืนใหญ่ตกประมาณ 20 ลูก ไม่ระเบิด 3 ลูก (เก็บกู้แล้ว 1 ลูก ถนนสุขุมวิท) และยังได้รับแจ้งจากเจ้าของสวนทุเรียนว่าขณะกำลังรดน้ำและสำรวจสวนตามปกติ ได้ยินเสียงวัตถุบินข้ามหัวก่อนจะเกิดเสียงดังสนั่นจากการกระแทกพื้นดินและเงียบหายไป เมื่อสิ้นเสียงปืนจากการปะทะเจ้าของสวนจึงเดินสำรวจและพบว่ามีลูกกระสุนปืนใหญ่มาตกในพื้นที่ลักษณะพุ่งปักจมลึกเข้าไปใต้ดินแต่ไม่ระเบิด 

" อุปสรรคของการเก็บกู้ คือสภาพดินที่เป็นดินทราย ทำให้เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามขุดดินด้านบนดินก็จะกลับถล่มลงมาทับจุดที่กระสุนฝังอยู่ตลอดเวลา และหากใช้กำลังคนขุดอาจต้องใช้เวลานานและมีความเสี่ยงสูง จึงจำเป็นต้องกั้นพื้นที่เฝ้าระวังเพื่อรอประสานหน่วยทหารช่าง ให้นำรถแม็คโครเข้ามาดำเนินการขุดและเก็บกู้ตามขั้นตอน ทั้งนี้แม้ปัจจุบันสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา จะดูเหมือนยุติลงและมีการอนุญาตให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ตนเองก็ยังไม่มั่นใจ เพราะเชื่อว่าอาจจะมีโอกาสเกิดการปะทะใหม่ในรอบที่ 3 เนื่องจากวิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายตรงข้ามแล้วอาจมีการรุกคืบเข้ามาอีก"

โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรหรือผลไม้กำลังออกสู่ตลาด หากเกิดสถานการณ์รุนแรงซ้ำอีก พ่อค้าแม่ค้าที่จะมารับซื้อก็อาจจะใช้เรื่องของความเสี่ยงจากเหตุสงครามเข้ามากดราคารับซื้อผลผลิต ซึ่งก็จะทำให้ชาวบ้านได้รับความลำบากมาก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 


เช่นเดียวกับที่บ้านของ นายไพบูลย์ รัตนภัยละ ชาวบ้านและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ม. 3 บ้านหนองรี ที่พบว่าพื้นที่โรงเก็บปุ๋ยและสวนยางพาราได้รับความเสียจากกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา และปัจจุบันยังไม่ได้รับการซ่อมแซม เนื่องจากเพิ่งกลับจากศูนย์อพยพ

“ หลังจากอพยพออกนอกพื้นที่ไปนานกว่า 10 วัน จึงตัดสินใจกลับมา ดูแลต้นไม้และผลผลิตทางการเกษตร และยอมรับว่าลึกๆ แล้วไม่เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้ง่าย เพราะคนในพื้นที่ชายแดนเห็นเหตุการณ์สู้รบมาตั้งแต่สมัยเขมรแดงจนถึงปัจจุบันจึงเชื่อว่าปัญหานี้น่าจะยืดเยื้อ และขณะนี้ยังได้ว่าจ้างรถแม็คโครมาขุดดินและซื้อท่อปูนเพื่อทำบังเกอร์หลบภัยส่วนตัวภายในบริเวณบ้าน เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวในระยะยาวแล้วด้วยเช่นกัน”

นายไพบูลย์ ยอมรับว่าทุกวันนี้นอนหลับไม่สนิท เพราะต้องคอยฟังเสียงรอบข้าง เพราะแม้แต่เสียงที่คุ้นเคยในบ้านอย่างเครื่องซักผ้าที่กำลังทำงานก็ยังสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเพราะคิดว่าเป็นเสียงโดรนรบที่บินเข้ามาโจมตี






กำลังโหลดความคิดเห็น