กาญจนบุรี – ตำรวจจราจร สภ.เมืองกาญจนบุรี จับกุมหนุ่มศรีสะเกษขับรถเก๋งซุกแรงงานต่างด้าวหญิงชาวเมียนมา 9 คนแน่นคันรถ ขณะตั้งด่านตรวจบนถนนบายพาส ก่อนพบใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอมอีก 1 ข้อหา เจ้าตัวรับสารภาพเคยถูกจับมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกติดคุก 4 เดือน ครั้งที่ 2 อยู่ระหว่างอุทธรณ์ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
วันนี้ (22 ธ.ค.) พล.ต.ต.พศวีร์ เรืองภู่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สันทัด ลยางกูร รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี และ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ บัวขม ผู้กำกับการ สภ.เมืองกาญจนบุรี สั่งการให้ พ.ต.ท.โชคชัย ไทยเจริญ รอง ผกก.จร. พ.ต.ท.เมธี บัวซ้อน สว.จร. และ ร.ต.อ.ทศพล มีทรัพย์มาก รอง สว.จร. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ ตั้งจุดตรวจเพื่อกวดขันวินัยจราจร และตรวจค้นรถต้องสงสัย ป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติด บุคคลต่างด้าว และอาวุธปืน บริเวณถนนบายพาส หมู่ 11 ตำบลปากแรพก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจรถที่ผ่านไปมา พบรถยนต์เก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับมาจากทางอำเภอไทรโยค จึงเรียกให้หยุดตรวจสอบ เมื่อคนขับลดกระจกลง เจ้าหน้าที่ถึงกับตกตะลึง หลังพบว่าภายในรถทั้งเบาะหน้าและเบาะหลังมีผู้หญิงนั่งแออัดกันมาเต็มคันรถรวม 9 คน
เจ้าหน้าที่จึงให้จอดรถเข้าชิดไหล่ทางเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าหญิงทั้ง 9 รายเป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งหมด และไม่สามารถแสดงเอกสารใด ๆ ต่อเจ้าหน้าที่ได้แม้แต่รายเดียว ระหว่างนั้น พล.ต.ต.พศวีร์ เรืองภู่ ซึ่งออกตรวจสภาพการจราจรในพื้นที่ ได้เข้าตรวจสอบและสอบปากคำด้วยตนเอง ก่อนสั่งการให้ควบคุมตัวนายเทพสิทธิ์ นิยมวงษ์ อายุ 33 ปี ชาว ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ คนขับรถ พร้อมแรงงานทั้งหมด มาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี
จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าแผ่นป้ายทะเบียนที่ติดอยู่เป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอม ไม่ใช่แผ่นป้ายที่นายทะเบียนออกให้ เมื่อตรวจสอบหมายเลขตัวถังพบว่าไม่ตรงกับทะเบียน โดยหมายเลขตัวถังเป็นรถยนต์ยี่ห้อเดียวกันที่จดทะเบียนอยู่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี
นายเทพสิทธิ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวเมียนมา ให้ขับรถไปรับแรงงานทั้ง 9 ราย บริเวณช่องทางธรรมชาติห้วยโมง ตำบลบ้องตี้ อำเภอไทรโยค เพื่อนำมาส่งยังจุดพักคอยในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยได้ค่าจ้างรายละ 3,000 บาท ก่อนจะมีรถอีกคันมารับช่วงต่อไปยังจังหวัดนครปฐม
ผู้ต้องหายังยอมรับอีกว่า เคยถูกจับกุมในคดีลักลอบขนแรงงานต่างด้าวมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกถูกศาลพิพากษาจำคุก 4 เดือน ส่วนครั้งที่ 2 อยู่ระหว่างอุทธรณ์ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่ถูกจับกุมได้เสียก่อน ส่วนรถยนต์คันดังกล่าวซื้อมาจากประเทศเมียนมาในราคา 60,000 บาท ไม่มีเอกสารจดทะเบียน และทำแผ่นป้ายทะเบียนปลอมขึ้นมาเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
เบื้องต้น แรงงานต่างด้าวหญิงทั้ง 9 ราย ยังไม่สามารถให้การได้ เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำผ่านล่าม ก่อนดำเนินคดีในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ส่วนนายเทพสิทธิ์ ถูกแจ้งข้อหา “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และข้อหา “ใช้และแสดงเอกสารราชการปลอม (แผ่นป้ายทะเบียนปลอม)” ก่อนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


