เพชรบุรี - มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จ.เพชรบุรี ออกโรงชี้แจงกรณีถูกพาดพิงเกี่ยวข้องลักลอบนำเข้าลูกเสือโคร่งจากเมียนมา ยืนยันไม่ได้ค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ แต่เป็นการประสานช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐเข้าตรวจสอบตั้งแต่ต้น คาดกระแสข่าวเกิดจากข้อมูลบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ตรวจพบลูกเสือโคร่งเพศเมีย อายุประมาณ 1 ปี บริเวณฐานปฏิบัติการหกพันไร่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีชาวต่างชาติซึ่งเป็นเจ้าของมูลนิธิเกี่ยวกับสัตว์ป่าในจังหวัดเพชรบุรี อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าสัตว์ป่าข้ามชาติ
ล่าสุด ช่วงเย็นวันที่ 18 ธันวาคม 2568 นาย เอ็ดวิน วีค ที่ปรึกษาคณะกรรมการ มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จังหวัดเพชรบุรี ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่การค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ และไม่เป็นไปตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์
นายเอ็ดวิน ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ช่วงเย็น ได้รับการประสานจากทหารกะเหรี่ยง KNU ขอความช่วยเหลือลูกเสือโคร่งจำนวน 1 ตัว ต่อมาทราบว่ากลุ่มดังกล่าวจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่จริง จึงเดินทางไปตรวจสอบในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงเช้าวันที่ 17 ธันวาคม 2568
เมื่อไปถึงบริเวณใกล้จุดนัดหมายซึ่งอยู่ติดชายแดนมากเกินไป จึงแจ้งให้ย้ายจุดมาพบกันบริเวณใกล้ ฐานปฏิบัติการหกพันไร่ ของเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ กระทั่งประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา รถกระบะของทหารกะเหรี่ยง KNU ได้ขับเข้ามา โดยมีลูกเสือโคร่งอยู่ท้ายกระบะในกรงโลหะ
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าลูกเสือโคร่งไม่มีอาการป่วยหรืออยู่ในภาวะอันตรายถึงชีวิต อย่างไรก็ตาม กลุ่มทหารกะเหรี่ยง ไม่สามารถแสดงเอกสารใด ๆ ได้ นายเอ็ดวินจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ทันที ทั้งเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเจ้าหน้าที่ด่านไซเตส (CITES) เพื่อเข้าร่วมตรวจสอบ
ต่อมา เจ้าหน้าที่เห็นว่ากรงที่ใช้ขนย้ายเป็นสังกะสีบาง มีความเสี่ยงไม่ปลอดภัย จึงขอให้ช่วยย้ายลูกเสือไปยังกรงของมูลนิธิ ก่อนเคลื่อนย้ายไปยังด่านตรวจ และเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ บันทึกตรวจยึดลูกเสือโคร่งตามขั้นตอนทางกฎหมาย
นายเอ็ดวิน ยืนยันว่า ลูกเสือโคร่งตัวดังกล่าวถูกทหารกะเหรี่ยง KNU ขับรถนำเข้ามาในประเทศไทยเอง และในขณะนั้นยังไม่ได้มีการเปลี่ยนถ่ายขึ้นรถของมูลนิธิ ก่อนที่ฝ่าย KNU จะรีบเดินทางกลับ เนื่องจากไม่สามารถอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ โดยตนได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบก่อนทุกขั้นตอน และไม่กล้ารับเสือไว้โดยไม่มีเอกสาร
“การดำเนินการทั้งหมดทำในพื้นที่เปิด มีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เป็นพยาน ผมได้กำชับเจ้าหน้าที่มูลนิธิทุกคนอย่างชัดเจน ห้ามข้ามไปฝั่งเมียนมาเด็ดขาด เพราะเราไม่มีเอกสารอนุญาตใด ๆ” นายเอ็ดวิน กล่าว
สำหรับกระแสข่าวที่ออกมา นายเอ็ดวิน ระบุว่า เป็นข้อมูลที่ ไม่ถูกต้อง และเชื่อว่าน่าจะมาจาก บุคคลที่ 3 ซึ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง
ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ก่อตั้งมากว่า 25 ปี มีภารกิจหลักในการช่วยเหลือสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ ประสบอุบัติเหตุ ถูกทอดทิ้ง หรือไม่สามารถกลับคืนสู่ธรรมชาติได้ รวมถึงให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์แก่เด็กและเยาวชน ปัจจุบันมูลนิธิดูแลเสือโคร่งอยู่ 21 ตัว ซึ่งได้รับมาจากสวนสัตว์ในจังหวัดมุกดาหาร และสวนสัตว์ที่ปิดกิจการในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าอีกกว่า 800 ชีวิต อยู่ในการดูแลของมูลนิธิ


