ศูนย์ข่าวศรีราชา- หายซ่า แก๊งวัยรุ่นเขมรโชว์กร่างปาระเบิด-ชูมีด ท้าไฝว้คนไทยกลางแยกเขตรอยต่อสำคัญ 3 อำเภอของ จ.ชลบุรีและระยอง ถูกตำรวจ 2จังหวัดสนธิกำลังตามรวบ 3หัวโจกดำเนินคดีข้อหาหนักก่อนขยายผลถึงเพื่อนร่วมแก๊ง ผู้ว่าฯชลลั่นเดินหน้าถอนวีซ่า ขึ้นแบล็กลิสต์ทั้งหมด
จากกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นต่างด้าวชาวกัมพูชา พยายามก่อเหตุวุ่นวายด้วยการปาระเบิดและพกมีดโชว์ บริเวณสามแยกเขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมตะโกนท้าทายวัยรุ่นไทยให้ออกมาต่อยตีกับพวกตนเอว และยังได้ถ่ายภาพพิกัดจุดก่อเหตุโชว์ความกร่างในโลกออนไลน์ จนกลายเป็นกระแสเรียกแขกให้มีทั้งกลุ่มวัยรุ่นใน จ.ชลบุรี และระยอง พากันตามหาตัว
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตที่เข้าไปถล่มถึงพฤติกรรมเขมรกร่างอย่างหนักนั้น
ล่าสุดในวันนี้ ( 17 ธ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี และ สภ.ปลวกแดง รวมทั้งฝ่ายสืบสวน ภ.จว.ระยอง ได้สนธิกำลังร่วมกับชุดสืบสวนภาค 2 ติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้แล้ว 3ราย โดยใช้เวลาหาเบาะแสติดตามตัวได้ภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง และจะเร่งติดตามจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลือต่อไป
โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายซึ่งเป็นหัวโจก ประกอบด้วย นาย peakmey rin อายุ 20 ปี (คนปาระเบิดตามคลิป), นาย pich oem อายุ 20 ปี นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ในที่เกิดเหตุ และนาย khemara moeurt อายุ 19 ปี
ยึดของกลางรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ทะเบียน 2กษ 8790 ระยอง ที่ใช้ในวันเกิดเหตุบริเวณสามแยกโรงงานเหล็ก ถนนเฉลิมลาภ เขตรอยต่อสำคัญ 3 อำเภอ คือ ปลวกแดง จ.ระยอง,ศรีราชา และหนองใหญ่ จ.ชลบุรี
การจับกุมดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของ นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่เน้นย้ำเรื่องความสงบสุขของประชาชนเป็นสำคัญ จนทำให้เกิดการบูรณาการกำลังครั้งใหญ่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 จังหวัดจนสามารถจับกุมหัวโจกได้ พร้อมแจ้งข้อหาหนัก และมาตรการเด็ดขาดทั้ง
"เพิกถอนใบอนุญาตทำงาน - ถอนวีซ่า-แบล็กลิสต์" และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเรื่องการมีวัตถุระเบิด, พกพาอาวุธไปในเมือง และสร้างความเดือดร้อนรำคาญ
โดยผู้ว่าฯ ชลบุรี ยังสั่งการให้จัดหางานจังหวัดชลบุรี เร่งเพิกถอนใบอนุญาตทำงาน รวมถึงประสาน ตม. ดำเนินมาตรการสูงสุดคือ "การเพิกถอนวีซ่า" และ "ผลักดันออกนอกราชอาณาจักร" ในทันทีเนื่องจากมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง พร้อมขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) ห้ามกลับเข้าประเทศไทยอีก
"ความสงบสุขของพี่น้องประชาชนต้องมาก่อน ใครที่เข้ามาอาศัยในแผ่นดินไทยแล้วทำตัวเป็นภัยต่อสังคม จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดและไม่มีที่ยืนในจังหวัดชลบุรี" ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าว
ด้าน มารดาของผู้ก่อเหตุที่อาศัยในไทยมา 25 ปี ถึงกับหลั่งน้ำตาเสียใจและกราบขอโทษคนไทยทุกคนที่ลูกชายก่อเหตุอุกอาจท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบาง


