ตราด -ชาวบ้านตราดไม่เสียขวัญ เหตุกัมพูชายิงก่อนพื้นที่บ้านหนองรี ต.ชำราก เผยแม้สถานการณ์จะดูรุนแรงแต่คุ้นชินกับเหตุการณ์ชายแดนมาตั้งแต่อดีต ที่สำคัญมั่นใจศักยภาพทหารไทย ที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย พร้อมใช้บังเกอร์เป็นที่มั่นหลบภัย ขณะกำนัน-ผู้ใหญ่เตรียมสั่งอพยพหากรุนแรงมากขึ้น
จากการเปิดปฏิบัติการลุยทวงคืนพื้นที่ ‘บ้าน 3 หลัง’ บริเวณบ้านชำราก อ.เมืองตราด เมื่อเวลา 05.30น.ที่ผ่านมา (9 ธ.ค.)ซึ่ง น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการทวงคืนจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทยมานานกว่า 40 ปี
หลังตรวจพบว่ากัมพูชาเสริมกำลังและอาวุธพร้อมเปิดฉากยิงใส่ฝ่ายไทยก่อน จนทำให้มีเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นหวั่นไหวต่อเนื่อง
กระทั่งเวลา 07.00 น. ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ชำราก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ยังคงปักหลักเฝ้าพื้นที่ และต้องใช้หลุมหลบภัยป้องกันอันตรายจากกระสุนตกเป็นระยะนั้น
ล่าสุด นายสมชาย ชัยเวช ชาวบ้านและ ชรบ. หมู่ 5 ต.ชำราก เผยถึงนาทีระทึกว่าขณะนอนพักผ่อนช่วงตี 5 ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น 1 ครั้ง ตามด้วยเสียงรัวอีก 2-3 ครั้ง และต่อเนื่องรวมกว่า 10 นัด ซึ่งถือว่ามีความถี่และรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ตนได้ส่งครอบครัวไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตั้งแต่เมื่อวาน แต่ตนเองตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อทำหน้าที่ ชรบ. คอยเป็นหูเป็นตาและดูแลความสงบเรียบร้อย โดยใช้บังเกอร์เป็นที่มั่น
"แม้สถานการณ์จะดูรุนแรง แต่ชาวบ้านที่นี่ไม่เสียขวัญ เพราะคุ้นชินกับเหตุการณ์ชายแดนมาตั้งแต่อดีต และที่สำคัญคือมั่นใจในศักยภาพของทหารไทยที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย ทำให้รู้สึกอุ่นใจ แต่หากสถานการณ์วิกฤต กำนันและผู้ใหญ่บ้านก็มีแผนเตรียมสั่งอพยพทันที" นายสมชาย กล่าว
ด้าน น.ส.ทิตตาภา นวลวิลัย อายุ 46 ปี เกษตรกรสวนยางพารา บอกว่าอัดอั้นมานานที่ไม่สามารถทำกินได้ ส่วนสาเหตุที่ยังไม่อพยพเพราะจำเป็นต้องเก็บเกี่ยวผลผลิต (แคะขี้ยาง) เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายก่อนตั้งแต่ตี 4 ที่ผ่านมา แต่บรรยากาศเงียบผิดปกติจนน่ากลัวจนตัดสินใจกลับเข้าบ้าน ก่อนจะเกิดเหตุปะทะกันรุนแรงในช่วงเช้า
"อยากวอนขอให้เหตุการณ์นี้จบลงโดยเร็วและเด็ดขาด ไม่อยากให้ยืดเยื้อ ชาวบ้านจะได้กลับมาทำมาหากินได้ตามปกติ ไม่ต้องคอยพะวงหน้าพะวงหลังด้วยความหวาดระแวงเช่นนี้" น.ส.ทิตตาภา กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงตึงเครียด ชาวบ้านกลุ่มที่ยังตกค้างยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อยู่ในบังเกอร์เพื่อรอฟังคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองอย่างใกล้ชิด


