ตราด- นายกสมาคมโรงแรมและรีสอร์ท จ.ตราด ประสานเสียง ททท.ยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่กระทบความมั่นใจนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ ชี้ไฮซีซันยอดเดินทางเข้า 3 เกาะหลักโตกว่าปี 67
จากกรณีที่ นางวิยะดา ซวง ที่ปรึกษาประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ตราด และผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน อ.คลองใหญ่ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการบริเวณแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการปิดด่านชายแดน
รวมทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการที่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางจากกรุงพนมเปญ หรือ สีหนุวิลล์ เข้ามายังด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก เพื่อท่องเที่ยวยังเกาะกูด และเกาะช้าง จนทำให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารท่องเที่ยวจากหาดเล็กไปยังเกาะกูด
จนต้องปิดกิจการไปแล้วหลายราย และยังกระทบต่อยอดการเข้าพักในโรงแรมขนาดเล็กด้วยนั้น
วันนี้ (7 ธ.ค.) น.ส.พิชยา ธชัยอดิทรัพย์ นายกสมาคมโรงแรมและรีสอร์ท จ.ตราด และยังเป็นเจ้าของโรงแรมเกาะกูดพาราไดซ์ จ.ตราด ได้ออกมาให้ข้อมูลอีกด้านว่า ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวใน จ.ตราด โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่น(ตุลาคม -พฤศจิกายน )เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2567
ที่สำคัญแม้จะมีสถานการณ์ด้านความมั่นคงระหว่างไทยและกัมพูชา แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงมั่นใจว่า จ.ตราด ไม่มีสถานการณ์ใดๆที่น่ากลัว ซึ่งหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของ จ.ตราดและสื่อมวลชน ได้รายงานความเป็นจริงในพื้นที่จนทำใหเเกิดความเชื่อมั่น
ดังจะเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวบนเกาะช้าง เกาะกูดและเกาะหมาก ที่มากถึงร้อยละ 95 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด
ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 5 เป็นชาวไทย เนื่องจากในช่วงปลายปีเช่นนี้นักท่องเที่ยวชาวไทย จะนิยมเดินทางไปสัมผัสความหนาวเย็นในพื้นที่ภาคเหนือมากกว่า
" นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะอยู่นานและใช้จ่ายเงินมากกว่าจึงทำให้ผู้ประกอบการณ์มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมในช่วงนี้ อีกทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบข้ามเกาะ และเรามีเรือโดยสารรับนักท่องเที่ยวจากเกาะช้างและเกาะกูด จึงส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของ จ.ตราด เป็นอย่างมาก" น.ส.พิชยา กล่าว
เช่นเดียวกับ ว่าที่ร้อยตรี กรกฎ โอภาส ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สำนักงานตราด) ที่บอกว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวในวันพ่อแห่งชาติ 2568 (ระหว่างวันที่ 5 - 7 ธ.ค.) จ.ตราด มีผู้มาเยี่ยมเยือน มากถึง 25,509 คน และมีรายได้จากผู้เยี่ยมเยือน รวม194.87 ล้านบาท
โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อน กลุ่มคู่รัก กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มวัยทำงาน และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยร้อยละ 22.51 แบ่งเป็นสัญชาติเยอรมัน รัสเซีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ฟินแลนด์ ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์
" ที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีจุดประสงค์การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนในวันพ่อแห่งชาติ และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมีทั้ง ศาลหลักเมืองตราด พระจมน้ำ อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว น้ำตกคลองพูล น้ำตกคลองเจ้า หาดบานชื่น หาดราชการุณ์ หาดคลองเจ้า เป็นต้น รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางเชื่อมโยงได้แก่ น้ำตกคลองพูล จุดชมวิวไก่แบ้ และสะพานแดง เป็นต้น" ว่าที่ร้อยตรี กรกฎ โอภาส กล่าว


