ตราด - ค้าชายแดนตราดทรุด หลังปัญหาขัดแย้งไทย-กัมพูชา ศุลกากรคลองใหญ่ เผยตัวเลขการค้าปี 68 ลดจากปี 67 กว่า 5พันล้านบาทจากมาตรการปิดด่าน ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยว จี้รัฐเยียวยา-หามาตรการส่งเสริมเพื่อความอยู่รอด
วันนี้ (5 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าว ถึงมูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ประจำปีงบประมาณ 2568 ( ต.ค. 67- ก.ย.68) ว่ามีมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 2.36 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกที่ 2.07 หมื่นล้านบาท และมูลค่าการนำเข้าที่ 2.89 พันล้านบาท
ลดลงจากปีงบประมาณที่มีมูลการค้าประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท รวมกว่า 5พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าส่งออกที่ 2.56 หมื่นล้าน และมูลค่านำเข้าที่ 3.4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการค้าชายแดนไทย- กัมพูชา ด้านจ.ตราด และเกาะกง ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ลดลงมาจากมาตรการปิดด่านการค้าชายแดน รวมทั้งการห้ามไม่ให้มีการส่งสินค้าเข้าไปขายในประเทศกัมพูชา และการห้ามสินค้ากัมพูชาไม่ให้เข้ามาขายในประเทศไทยจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา
" อย่างไรก็ตามแม้ประกาศของฝ่ายความมั่นคงจะห้ามไม่ให้มีการค้าขายกับกัมพูชา แต่ก็เพียงเฉพาะผ่านการขนส่งทางบก และตามช่องทางต่างๆเท่านั้น แต่ในส่วนของการขนส่งสินค้าทางน้ำ ก็ยังมีผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าไปยังกัมพูชาผ่านท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี หรือที่ท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง แต่ต้องยอมรับเรื่องค่าขนส่งที่สูงขึ้น" แหล่งข่าว กล่าว
ขณะที่ นางวิยะดา ซวง ที่ปรึกษาประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจ.ตราด และผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน อ.คลองใหญ่ เผยว่าการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่เป็นอย่างมากเพราะไม่เพียงแต่สินค้าที่เข้าออกไม่ได้ แต่ คนหรือพาหนะต่างๆก็ไม่สามารถเข้าออกได้เช่นกัน
ที่สำคัญการค้าขายชายแดนที่มีการค้าทั้งระดับชาติและส่วนท้องถิ่นได้รับผลกระทบทั้งหมด ทั้งค้าขายเล็กๆน้อย ไปถึงการจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่
ส่วนการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางจากพนมเปญ หรือ สีหนุวิลล์ เข้ามายังด่านชายแดนบ้านหาดเล็กเพื่อท่องเที่ยวยังเกาะกูด และเกาะช้าง ก็ทำให้ผลประกอบการเรือโดยสารท่องเที่ยวจากหาดเล็กไปยังเกาะกูด และไปเกาะช้างต้องปิดกิจการไปแล้วหลายรายและยังกระทบต่อยอดการเข้าพักในโรงแรมขนาดเล็กอีกด้วย
" ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการค้าและการท่องเที่ยว เดือนร้อนมาก จึงอยากให้รัฐบาลหามาตรการเยียวยาและฟื้นฟูการค้า รวมทั้งการท่องเที่ยวใน อ.คลองใหญ่ เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่รอดได้" ที่ปรึกษาประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ตราด กล่าว
เช่นเดียวกับ นายเชิดศักดิ์ ชุ่มนาเสียว นายอำเภอคลองใหญ่ ที่บอกว่า อำเภอคลองใหญ่ เงียบเหงาลงไปมากขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจหลายอย่างก็ต้องต้องปิดตัวลง จนกลายเป็นการเปิดช่องให้เกิดการค้าของผิดกฏหมาย
อำเภอคลองใหญ่ จึงได้เรียกหน่วยงานชายแดนเข้าร่วมประชุมเพื่อกำชับเรื่องการควบคุมดูแลและป้องกันปัญหาดังกล่าว เนื่องจาก อ.คลองใหญ่ มีชายแดนที่ติดกับทะเลจึงทำให้คนร้ายมักจะใช้เส้นทางนี้ในการลักลอบขนถ่ายสินค้าผิดกฎหมาย
