พิษณุโลก-จนท.กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ ตำรวจป่าไม้ ระดมกำลังยึดคืนผืนปาสงวนฯ วังทอง จ.พิษณุโลก หลังขบวนการทำลายป่าสุดอุกอาจ ลักลอบเข้าไปตัดไม้สัก ประดู่ ฯลฯ กว่า 40 ท่อน แผ้วถางกว่า 40 ไร่เตรียมยึดครองหน้าตาเฉย
วันนี้ (5 ธ.ค.) นายธีรพล กาญจนโกมล หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กรมป่าไม้ นำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.8 (น้ำยาง) ตำรวจป่าไม้ (บก.ปทส.) เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่วนป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา (ออป.) ออกตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา ตั้งอยู่พื้นที่หมู่บ้านซำทองพัฒนา หมู่ 13 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังจากได้รับแจ้งว่ามีขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่านำคนและเครื่องจักรเข้าไปตัดต้นไม้และแผ้วถางป่าเป็นบริเวณกว้าง
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบมีต้นไม้ทั้งขนาดใหญ่และเล็กที่พึ่งถูกตัดจนเหลือแต่ตอจำนวนหลายต้น โดยพบร่องรอยการใช้เลื่่อยยนต์ตัดลำต้นให้เป็นท่อนซุงและแปรรูปวางกองอยู่ตามแนวป่าเป็นจำนวนมาก ที่เกิดเหตุยังพบรอยล้อรถแทรกเตอร์อยู่ทั่วบริเวณ และพบเลื่อยยนต์ถูกทิ้งเอาไว้จำนวน 2 เครื่อง แต่ไม่พบบุคคลใดอยู่คาดว่าพึ่งวิ่งหลบหนีไปได้ไม่นาน เนื่องจากยังมีกองไฟที่นำกิ่งไม้เศษไม้มาจุดสุมเอาไว้อยู่
จากการตรวจสอบพบมีผืนป่าถูกแผ้วถางเตรียมจะเข้าไปยึดครองกว้าง 40 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา และเนื่องจากเป็นป่าที่ไม่ได้รับการผ่อนผันสิทธิการถือครองตามมติ ครม.วันที่ 20 มิ.ย.2541 หรือไม่ได้อยู่ในโครงการที่ดินป่าไม้ (สทก.) จึงสร้างความเสียหายให้รัฐเป็นมูลค่า 2,789,025 บาท ส่วนต้นไม้ที่ถูกตัดพบว่าเป็นไม้สักที่แปรรูปแล้ว 2 แผ่น ปริมาตร 0.061 ลูกบาศก์เมตร,ไม้ประดู่แปรรูป 7 แผ่น ปริมาตร 0.168 ลูกบาศก์เมตร,ไม้สักท่อน 16 ท่อน ปริมาตร 2.430 ลูกบาศก์เมตร,ไม้ประดู่ 3 ท่อน ปริมาตร 0.447 ลูกบาศก์เมตร,ไม้แดงท่อน 11 ท่อน ปริมาตร 1.232 ลูกบาศก์เมตร,ไม้แคทราย 1 ท่อน ปริมาตร 0.130 ลูกบาศก์เมตร่,ไม้มะยมหิน 1 ท่อน ปริมาตร 0.278 ลูกบาศก์เมตร,และไม้พฤกษ์ท่อน 2 ท่อน ปริมาตร 0.400 ลูกบาศก์เมตร
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า,มาตรา 48 ฐาน “มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองจำนวนเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรโดยไม่ได้รับอนุญาต ,มาตรา 11 ฐาน “ร่วมกันทำไม้ หรือเจาะ หรือสับ หรือเผา เกิน 20 ต้นหรือท่อน,มาตรา 69 วรรค 2 "ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายตีประทับ,มาตรา 70 ฐาน “รับไว้ด้วยประการใดๆ ซ่อนเร้น และตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507,มาตรา 14 ฐาน “ทำไม้ เก็บหาของป่า เสื่อมเสีย แก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ,มาตรา 26/4 และมาตรา 26/1 ฐาน “ผู้ใดทำลายไม้ ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย และตาม พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ 2545 มาตรา 4 และ มาตรา 7 ฐาน “มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีใบนำมาแสดง”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ร่่วมกันนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก่งโสภา อ.วังทอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย.
