กาญจนบุรี - สบอ.3 กรมอุทยานฯจับมือ อ.ศรีสวัสดิ์ กระทรวงมหาดไทย รวมพลเปิดปฏิบัติการ "เคาะประตูบ้าน" สร้างความเข้าใจ หยุดไฟป่า – ลดฝุ่นพิษ PM2.5 ที่กลุ่มป่ารอบเขื่อนศรีนครินทร์
วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายปีที่ผ่านมาจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดอันดับต้นๆที่เกิดสถานการณ์ไฟป่าซึ่งเป็นสาเหตุของฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน สาเหตุหลักมาจากการเผาในพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่เกษตรกรรม ป่าชุมชน /เมือง พื้นที่ริมทาง และอื่น ๆ
ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 กำหนดให้พื้นที่ทุกหมู่บ้าน/ตำบล/อำเภอ ในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็น ‘เขตควบคุมการเผา’ โดยมีมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการเผาดังนี้ 1.เมื่อมีความจำเป็นต้องเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ราษฎรต้อง ขออนุญาตจากกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนดำเนินการทุกครั้ง 2.ผู้ขออนุญาตต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ๆ พร้อมประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานในพื้นที่เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล และ 3.หากไม่แจ้งขออนุญาต หรือขออนุญาตแล้วแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟและไม่ควบคุมไฟจนไฟลุกลามไหม้ป่า กำนัน/ผู้ใหญ่บ้านต้องแจ้งนายอำเภอเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย
โดยการจุดไฟเผาให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่ต่างๆ มีโทษตามกฎหมายหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ. ป่าไม้, พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ, พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ, พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และประมวลกฎหมายอาญา โดยมีอัตราโทษสูงสุดถึงจำคุก 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 บาท ถึง2,000,000 บาท (ตาม พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า)
ทั้งนี้ นายราชันย์ บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ได้มีการจัดการประชุมแนวทางการจัดการปัญหาไฟป่าและหมอกควัน พื้นที่กลุ่มป่ารอบเขื่อนศรีนครินทร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ขึ้นที่ห้องประชุม ชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี โดยมีนายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ เป็นประธาน
การประชุมเพื่อร่วมทำความเข้าใจแนวทางการดำเนินการป้องกัน เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาไฟป่า ตลอดจนบูรณาการ การทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ในการแก้ไขปัญหาไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรป่าไม้
หลังจากประชุมแล้วเสร็จ ในช่วงบ่าย คณะเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ สถานีควบคุมไฟป่าสลักพระ-เอราวัณ และสถานีควบคุมไฟป่าเขื่อนศรีนครินทร์ได้ร่วมกับอำเภอศรีสวัสดิ์ เดินทางลงไปพบปะประชาชนในพื้นที่หมู่ 3 และหมู่ 5 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อรณรงค์และประชาสัมพันธ์ในรูปแบบ “เคาะประตูบ้าน”มนการขอความร่วมมือชุมชนในเขตและรอบแนวเขตพื้นที่อุทยานฯ ในการเฝ้าระวังและป้องกันไฟป่า ลดการเผาในที่โล่งและในพื้นที่เกษตรกรรม
โดยได้ร่วมพูดคุยกับชาวบ้านในชุมชน ขอความร่วมมือในการไม่จุดไฟเผาป่าโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งเชิญชวนให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เป็นหูเป็นตา เพื่อรักษาทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ตลอดจนลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้มีนโยบายและสั่งการให้ทุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์เตรียมความพร้อมล่วงหน้า ทั้งแผนจัดทำแนวกันไฟ การลดเชื้อเพลิง การเฝ้าระวังติดตามจุดความร้อน (Hotspot)ผ่านดาวเทียม การประชุมร่วมหน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผาป่าอย่างเด็ดขาด
จึงฝากไปถึงประชาชนว่าขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะหากลักลอบเผา แล้วถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ ตัวท่านและครอบครัวจะต้องมาเดือดร้อนในภายหลัง ดังนั้นขอให้หันมาร่วมมือเพื่อประโยชน์สูงสุดของจังหวัดกาญจนบุรี และประเทศไปด้วยกัน


