พระนครศรีอยุธยา - สถานการณ์น้ำท่วมอยุธยายังวิกฤต พื้นที่บางซ้ายถูกน้ำจากแม่น้ำน้อยหนุนสูงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบหนักต่ออาชีพปลูกไม้ประดับ–ไม้ใบ ชาวสวนต้องลุยน้ำทำงาน หวังรักษารายได้ปลายปี ขณะที่หลายครัวเรือนยังเดือดร้อนถ้วนหน้า
วันนี้( 23 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ปรับลดการระบายน้ำลงเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยยังคงท่วมสูงและล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภอต่างๆ ของจังหวัดอยุธยาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรวม 12 อำเภอ 145 ตำบล 946 หมู่บ้าน กระทบประชาชนกว่า 65,147 ครัวเรือน และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 20 ราย
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่ 2 ตำบลวังพัฒนา อำเภอบางซ้าย พบว่าระดับน้ำท่วมทุ่งนาทั้งหมด และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนริมคลองที่รับน้ำจากแม่น้ำน้อยผ่านอำเภอเสนา ทำให้พื้นที่บางซ้ายยังคงเผชิญระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรปลูกไม้ประดับ–ไม้ใบ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต้องลุยน้ำทำงานทุกวัน หวังรักษารายได้ช่วงปีใหม่ซึ่งเป็นฤดูกาลขายสำคัญ
นางสาวกาญจนา กิจสอาด อายุ 35 ปี เจ้าของสวนไม้ประดับ เปิดเผยว่า น้ำท่วมครั้งนี้ยาวนานกว่า 2 เดือนแล้ว และยังคงเพิ่มระดับเรื่อยๆ แม้จะมีประกาศว่าลดการระบายน้ำจากเขื่อน หลังจากเคยประสบวิกฤตน้ำท่วมปี 2565 จนต้องย้ายสวนขึ้นเขาเป็นเวลา 2 เดือน ใช้ต้นทุนกว่า 500,000 บาท ทั้งค่าขนย้าย ค่าทำโรงเรือนชั่วคราว และค่าอุปกรณ์ต่างๆ ครั้งนี้จึงลงทุนทำคันกั้นน้ำใหม่สูงกว่าเดิมเพื่อสู้สถานการณ์
แต่ขณะนี้ระดับน้ำยังเพิ่มสูง ทำให้ต้องสูบน้ำออกทุกวัน สวนบางส่วนของครอบครัวก็รับมือไม่ไหว ไม่สามารถย้ายไม้ได้เพราะไม่มีพื้นที่และต้นทุนสูง จึงจำเป็นต้องปล่อยให้บางส่วนจมน้ำเสียหาย
นางสาวกาญจนา เล่าว่า ช่วงนี้ต้องลุยน้ำตัดพันธุ์ไม้เพื่อเตรียมขายปีใหม่ โดยไม้ตระกูลยอดนิยม เช่น อโกลนีมา วาสนา และกวักมรกตมักขายดี แต่ตู้อบสำหรับทำรากกลับจมน้ำทั้งหมด จึงต้องนำไม้ไปอบในสวนอื่นแทน ปีใหม่ถือเป็น “ความหวังสุดท้าย” ของเกษตรกร เพราะหากไม้ไม่ทันขายก็จะไม่มีรายได้เลย
นางสาวกาญจนา ระบุว่า เงินชดเชยที่ประกาศว่าจะให้ 9,000 บาทแบบขั้นบันได ไม่คุ้มกับความเสียหาย และเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาจริง บางซ้ายไม่ค่อยมีข่าวเพราะไม่ติดแม่น้ำ แต่น้ำทั้งหมดไหลมากักไว้ที่นี่ และจะอยู่นานถึงปีใหม่ ทำให้เราต้องอยู่กับน้ำแบบนี้ไปอีกหลายเดือน”
ด้านการสัญจร ถนนเชื่อมตำบลหลายสายถูกน้ำท่วมสูง รถเล็กสัญจรลำบาก ต้องเปลี่ยนเส้นทางและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม นักเรียนต้องตื่นเช้าและเดินทางไกลขึ้น ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่อย่างมาก


