xs
xsm
sm
md
lg

พี่หนุ่มไทยดับปริศนาคาตึกสแกมเมอร์ปอยเปต เปิดปากหนีออกมาได้ระหว่างน้องโดนบอสจีนสั่งจับทรมานได้ 2 วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กำแพงเพชร – พี่ชายหนุ่มไทยดับปริศนาคาตึกสแกมเมอร์ปอยเปต เปิดปาก..เผยหนีออกมาได้ ระหว่างน้องถูกบอสจีนแก๊งสแกมเมอร์สั่งคนใช้เหล็กตี-ไฟฟ้าชอร์ต บอกน้องก็อยากหนีแต่โดนจับทรมานทั้งเช้า-เย็น เปิดแอร์ 16 องศาฯให้แก้ผ้านอน ส่วนตัวเองรวมตัวกับเพื่อนเผ่นทางบัวลัย ประตู 3 เข้าไทยทางอรัญฯ ก่อนไปทำงานกับเพื่อนที่กำแพงเพชร


กรณีเพจ “ก็แค่ คนธรรมดา ศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน“ รายงานว่า เมื่อเช้าวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 พบชายไทย 1 ราย เสียชีวิตภายในออฟฟิศในพื้นที่ปอยเปต ชื่อ ศราวุธ สัตนาโค (โตโต้) ชาวจังหวัดสมุทรปราการ (บ้านเกิดอยู่นครพนม) พิกัดเดียวกันกับ น้องสุดา ชาวพังงา ที่เสียชีวิต คือ ตึกบีชั้น 6 เลขออฟฟิศ 218 รัฐบาลบ้านเขา ไม่เห็นพิกัด ทักหาผมนะ เดี๋ยวผมแหกเอาพิกัดยัดใส่เบ้าตาให้ จะได้รู้ว่า จุดนี้ ซุกอยู่ในกระเป๋าตังใคร

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ได้ระบุว่า โดนซ้อมเอาเหล็กตี และเอาไฟช็อต..ต้องมีอีกกี่คนที่สังเวยชีวิต เพราะคนชั่วๆเหล่านี้ ไม่จบไม่สิ้น ชีวิตคนไทยที่ถูกหลอกไป ที่สูญหาย และไม่เป็นข่าวอีกกี่คน..บอสคนจีน สั่งให้ลูกน้องคนไทย ทำร้ายร่างกายน้องจนเสียชีวิต ถ้าเพราะไม่เป็นคนไทย หลอกกันเอง คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้

..ผมได้รับการยืนยันจาก เพื่อนรุ่นพี่ ที่หนีออกมาได้ ตอนนี้เพื่อนรุ่นพี่ปลอดภัยแล้ว จึงประสานมาที่ศูนย์ IMF ให้ช่วยพาร่างน้องกลับประเทศไทย เพราะมีข่าวว่า ทางออฟฟิศจะนำร่างน้องไปถูกฝังแบบเงียบๆ ที่พนมเปญ คราวนี้ ไม่เผาแต่จะฝังเลย ต้องเหี้…ยขนาดไหน จิตใจเล..ว ทราม ได้ขนาดนี้

ล่าสุดบ่ายวันนี้(18 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายณัฐพล สัตนาโค (โปเต้) อายุ 32 ปี เป็นพี่ชายของนายศราวุธ สัตนาโค อายุ 30 ปี (โตโต้) ซึ่งดั้งเดิมเป็นชาวนครพนม แต่ไปทำงานพร้อมครอบครัวอยู่สมุทรปราการ ที่มีข่าวเสียชีวิตหลังถูกหลอกไปทำงานให้กับแก๊งสแกมเมอร์

นายณัฐพล หรือโปเต้ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนหน้านั้นตนก็ถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นแอดมินการตลาดคอยตอบลูกค้าออนไลน์ ได้ค่าจ้างเดือนละ 24,000 บาท และค่าคอมฯต่างหาก ซึ่งก็เป็นที่เดียวกันกับสาวไทยที่อยู่จังหวัดพังงาที่มีข่าวเสียชีวิตจากโรคประจำตัว แต่แท้ที่จริงแล้วถูกทรมานโดยการตีและใช้ไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิต

หลังหนีออกมาจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.68 ที่ผ่านมา จากนั้นก็เดินทางข้ามพรมแดนไทย-กัมพูชา ผ่านทางเส้นทางธรรมชาติเข้ามาทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พักบ้านเพื่อน 1 คืน วันนี้(18 พ.ย.) จึงได้เดินทางมาหางานทำกับเพื่อนที่ จ.กำแพงเพชร

โปเต้-ณัฐพล เล่าเหตุการณ์ที่ก่อนที่จะหลบหนีออกมาและได้ข่าวน้องชายถูกทำร้ายจนเสียชีวิตว่า ทุกคนที่ถูกหลอกไปทำงานเริ่มอยู่กันไม่ได้แล้ว ซึ่งน้องชายของตนก็คิดที่จะหนี โดยภายในห้องที่น้องตนอยู่นั้นมีลูกกรงเหล็กอยู่ข้างหลัง ซึ่งก็มีเพื่อนร่วมห้องที่พักอยู่ช่วยกันแหกลูกกรงเอาไว้เตรียมจะหลบหนี แต่ต้องย้ายห้องก่อน

จนมีคนที่เข้ามาอยู่ใหม่โผล่หัวออกไป ยามที่เฝ้าเห็นก็ขึ้นมาดูและตรวจสอบว่าใคร..ทำให้น้องชายของตนและคนอื่นๆในห้องชุดเดิม ถูกบอสชาวจีนจับทำโทษ โดยการใช้เหล็กตีจนเห็นเนื้อข้างหลัง เอาไฟฟ้าช็อตที่ตัวและปาก จากนั้นก็เอาขึ้นไปขังไว้บนชั้น 6 ตึกบี โดยเปิดแอร์ไว้ที่ 16 องศาให้แก้ผ้านอน พอเช้ามาก็ขึ้นไปตีอีก ช่วงเย็นก็ขึ้นไปตีอีก เป็นแบบนี้มา 2 วัน

กระทั่งวันที่ 3 ตนได้ตัดสินใจหลบหนีออกมาพร้อมกับเพื่อนเพื่อหาคนเข้าไปช่วยเหลือ โดยรวมตัวกับเพื่อนประมาณ 40 กว่าคน ราว 07.30 น.วันที่ 16 พ.ย. หลังจากนั้นก็หลบหนีออกมาเลย โดยจุดนั้นเรียกว่าบัวลัย ประตู 3

นายณัฐพล บอกด้วยว่าก่อนหน้านั้นตนถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นแอดมินการตลาดคอยตอบลูกค้าออนไลน์ ได้ค่าจ้างเดือนละ 24,000 บาท และค่าคอมฯต่างหาก ซึ่งก็เป็นที่เดียวกันกับสาวไทยชาวพังงาที่มีข่าวเสียชีวิตจากโรคประจำตัว แต่แท้ที่จริงแล้วถูกทรมานโดยการตีและใช้ไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิต

ข่าวล่าสุดเมื่อเช้าที่ผ่านมาข้างในแจ้งว่าน้องชายของตนเสียชีวิตแล้ว แต่ตนก็ยังไม่มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตอนที่ตนหนีออกมาแม้น้องชายของตนถูกใช้เหล็กตีและใช้ไฟฟ้าช็อต อาการ 50/50 แล้ว แต่ก่อนเที่ยงมีการติดต่อมาหาแม่ตนที่ทำงานอยู่ใน จ. สมุทรปราการ บอก..น้องยังทำงานปกติ

ทั้งนี้ระหว่างพูดคุย ผู้เป็นแม่ก็ส่งคลิปภาพเสียงที่ถ่ายไว้เมื่อตอน 11.00 น. วันเดียวกันมาให้ ในคลิปเป็นเสียงของน้องชายนายณัฐพลที่ถูกส่งมาให้กับผู้เป็นแม่ มีใจความว่า “แม่ช่วงนี้งานที่ออฟฟิศยุ่งนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหา สะดวกว่างเดี๋ยวจะโทรหานะ ไม่ต้องห่วงครับอยู่ที่นี่สบายดี ช่วงนี้งานเยอะ“

ซึ่งตนได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าวแล้วก็ยังไม่มั่นใจอีกว่าเป็นเสียงของน้องชายตนเองหรือ AI กันแน่ ก็รอข่าวจากคนที่อยู่ที่นั่นเหมือนกันว่าตอนนี้น้องของตนเสียชีวิตแล้วหรือยัง ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็อยากให้รัฐบาลเข้าไปช่วยให้เร็วที่สุด และคนที่เหลือข้างในก็อยากกลับบ้านกันหมด โดยออฟฟิศที่ทำงานมีคนกว่า 600 คน รวมกับออฟฟิศของน้องผู้หญิงที่เสียชีวิตชาวจังหวัดพังงาด้วย พอเกิดเรื่องก็มีการทยอยย้ายออกไปที่อื่น เพื่อไม่ให้เป็นเป้า ถ้าเสียชีวิตก็อยากให้รัฐบาลช่วยนำกลับมาบำเพ็ญกุศลให้ได้ และคาดว่าจะกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดเดิม จ.นครพนม
กำลังโหลดความคิดเห็น