สระแก้ว- ไม่เบี้ยว!! คณะสำรวจกัมพูชา ข้ามแดนเข้าร่วมประชุมปักหมุดหลักเขตที่ 42-47 บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจาน อ.โคกสูง หลังขอเลื่อนจากวันที่ 17 พ.ย.คาดหากได้ข้อสรุปตรงกันพร้อมดำเนินการได้ทันที่วันที่ 19 พ.ย.68
วันนี้ (18 พ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวบริเวณด่านชายแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่าเมื่อเวลา 08.54 น. ที่ผ่านมาคณะสำรวจกัมพูชาจำนวน 10นาย นำโดย นายสรวย โบรา หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการ พร้อมผู้อำนวยการฝ่ายสำรวจ หัวหน้าทีมสำรวจร่วม และผู้แทนฝ่ายทหารจากจังหวัดบันเตียเมียนเจย ได้เดินทางผ่านด่านพรมแดนคลองลึกเข้ามายังฝั่งไทย
เพื่อเดินทางต่อไปยังกองร้อยทหารพรานที่ 1201 ที่ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ประชุมปักหมุดหลักเขตที่ 42-47 บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน อ.โคกสูง หลังขอเลื่อนจากวันที่ 17 พ.ย.ที่ผานมา โดยอ้างเรื่องการนำส่งใบรับรองด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ใบรับรองไอที) ไม่ทัน
โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ที่ประกอบด้วยคณะทำงานระดับสูงนำโดย พ.อ. เกรียงไกร บุญเติม ผู้อำนวยการกองภูมิศาสตร์ กรมแผนที่ทหาร กองทัพไทย ในฐานะหัวหน้าคณะปฏิบัติงาน พร้อมด้วย พ.อ.ยุทธพล สุจริต แม่กองสนามสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วม รวมถึง พ.อ.ศุภกฤต เอกศิริ หัวหน้าชุดสำรวจ, พ.อ.บัญชา ชาญฉลาด รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา, นายสุเทพ ชัยวัฒน์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว และนายนริศ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นายอำเภอโคกสูง เข้าร่วม
ทั้งนี้ในการประชุมจะเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลเชิงเทคนิคทั้งหมด ทั้งแผนที่สำรวจ ภาพถ่ายดาวเทียม ภาพถ่ายทางอากาศ รวมทั้งเอกสารด้านภูมิศาสตร์และตำแหน่งหมุดที่แต่ละฝ่ายได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งการประชุมวันนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการปฏิบัติงานทั้งระบบ เพราะจะเป็นการตรวจสอบความสอดคล้องของข้อมูล การยืนยันตำแหน่งสำรวจ และการจัดทำแผนการลงพื้นที่ร่วมกันก่อนเริ่มภารกิจภาคสนาม
โดยได้ใช้เวลาตั้ง 09.00 น. ถึง 12.00 น. เพื่อสรุปข้อมูลให้รอบด้าน ป้องกันความคลาดเคลื่อนระหว่างการปฏิบัติงานจริง และหากการประชุมผ่านไปอย่างเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายก็น่าว่าจะเริ่มกระบวนการสำรวจและปักหมุดเขตแดนชั่วคราวได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ 19 พ.ย.นี้ ครอบคลุมพื้นที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 42 - 47 ใน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านทั้งสองประเทศให้ความสนใจอย่างมาก
เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้ที่ดิน การทำกิน และความชัดเจนของเส้นเขตแดนระหว่างไทยและกัมพูชา
สำหรับภารกิจในครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าเชิงความร่วมมือด้านเขตแดนที่สำคัญของทั้งสองประเทศ และเป็นกระบวนการที่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะจะช่วยลดความกังวล ลดโอกาสการเกิดความเข้าใจผิด และสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับเส้นเขตแดนที่มีข้อพิพาทมานานหลายปี...


