อ่างทอง- น้ำเจ้าพระยาพุ่งสูงต่อเนื่อง เขื่อนเจ้าพระยาระบาย 2,800 ลบ.ม./วินาที ผู้ว่าอ่างทองสั่งเพิ่มคันกั้นน้ำ–เตรียมแผนอพยพเต็มรูปแบบ ขณะผนังกั้นน้ำป่าโมกพังยาว 20 เมตร เจ้าหน้าที่ขนบิ๊กแบ็กลงเรืออุดรอยแตกแข่งกับเวลา
วันนี้( 9 พ.ย.) ที่บริเวณเขื่อนกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตเทศบาลเมืองอ่างทอง เจ้าหน้าที่เร่งเสริมกระสอบทรายบนกำแพงเขื่อนทั้งสองฝั่ง ระยะทางยาวหลายกิโลเมตร เพื่อรับมือระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มอัตราการระบายเป็น 2,800 ลบ.ม./วินาที และมีแนวโน้มขยับสูงขึ้นอีก ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจ ศูนย์การค้า รวมถึงหน่วยงานราชการ ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่กำลังไหลผ่านจังหวัดอ่างทอง
ด้าน นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ได้เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงานที่ห้องประชุมโพธิ์ทอง ศาลากลางจังหวัด เพื่อรายงานสถานการณ์และกำหนดแนวทางรับมืออุทกภัย พร้อมสั่งการเพิ่มความสูงคันกั้นน้ำทุกจุด พร้อมจัดทำแผนเผชิญเหตุและเตรียมพื้นที่อพยพประชาชน
ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี และชัยนาท เพื่อกำหนดมาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว
ต่อมาเวลา 19.00 น. สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น เมื่อผนังกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เชิงสะพานป่าโมก ตำบลป่าโมก อำเภอป่าโมก เกิด พังทลายยาวกว่า 20 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมถนนสาย 33 ป่าโมก–สุพรรณบุรี
เจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลป่าโมก, ทหารจาก ป.1 พัน 11 ร.อ., เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากอยุธยา รวมถึงมูลนิธิชัยอนันต์ ได้เร่งนำเรือยนต์ขนาดใหญ่บรรทุกกระสอบบิ๊กแบ็กจากเชิงสะพานมาปิดรอยพัง โดยใช้รถแบ็กโฮบนเรือช่วยยกบิ๊กแบ็กวางตามแนวผนังที่เสียหาย พร้อมตอกเสาเข็มล้อมเพื่อกันกระสอบไหลไปตามน้ำ เพื่อสกัดมวลน้ำไม่ให้ทะลักเข้าเขตถนนและชุมชน
การอุดรอยพังเป็นไปอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีแนวโน้มว่าเขื่อนเจ้าพระยาอาจต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำแตะระดับ 3,000 ลบ.ม./วินาที
ล่าสุด ระดับน้ำที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง วัดได้ 9.47 เมตร ใกล้ระดับวิกฤติที่ 10 เมตร โดยระดับตลิ่งอยู่ที่ 8 เมตร และน้ำยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงถึง 2,594 ลบ.ม./วินาที
ผู้ว่าฯ อ่างทอง ได้สั่งการให้ทุกอำเภอเตรียมกำลังคน อุปกรณ์ และจุดอพยพประชาชน พร้อมย้ำว่าต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง


