ตาก - รวบคาสนามบินแม่สอด..สแกมเมอร์ชาวเคนย่า เคยโดนจับ-ส่งกลับประเทศมาแล้วตอนต้นปี ยังบินลัดฟ้าลอบเข้าไทยผ่านทางเมเลย์ ย้อนเข้าร่วมแก๊งอาชญากรรมออนไลน์ทุนจีนเมียวดี จนเคเคปาร์คแตก เผ่นข้ามน้ำเมยเข้าไทยใช้ตราประทับปลอมตบตาหวังบินกลับบ้าน
วันนี้(7 พ.ย.) พ.ต.อ.ชินกร อัศวภูมิ ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก เปิดเผยว่า ขณะวางกำลังตรวจตราชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าและออกเมืองแม่สอดอย่างเข้มงวด ได้มีชาวเคนย่าเดินทางเข้ามายังสนามบินนานาชาติแม่สอด ต้องการเดินทางไปยังกรุงเทพมหานครแล้วนั่งเครื่องบินไปยังประเทศเคนย่า
ทราบชื่อต่อมานายมูวี่ แม็กเวล มูติโซ่ (MBUVI MAXWELL MUTISO) สัญชาติเคนย่า อายุ 34 ปี แต่พอเจ้าหน้าที่ทำการตรวจหนังสือเดินทางเลขที่ AK1476489 พบเป็นตราประทับปลอมจึงเช็คอย่างละเอียด
พบตราประทับในหนังสือเดินทางหน้าที่ 10 ปรากฏรอยตราประทับขาเข้า หมายเลข L0009 ของด่านตรวจคนเข้าเมืองสุไหงโก-ลก ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.นราธิวาส
แต่เมื่อตรวจสอบกับทาง ตม.นราธิวาส ซึ่งให้ข้อมูลมาว่าตราประทับดังกล่าว ไม่มีการเบิกใช้ในราชการของทางตรวจคนเข้าเมือง จ.นราธิวาสแต่อย่างใด ตราประทับขาเข้า หมายเลข L0009 ของด่านตรวจคนเข้าเมืองสุไหงโก-ลก เป็นตราประทับที่มีการใช้ปลอมและเคยมีการจับกุมผู้ใช้รอยตราประทับเลขที่นี้แล้ว ในพื้นที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 10 ต.ค.68 และ ตม.สงขลา ได้ประสานข้อมูลไปยังหน่วย ตรวจคนเข้าเมืองพื้นที่ชายแดน เพื่อเฝ้าระวังคนต่างด้าวกลุ่มเสี่ยงใช้ตราประทับปลอมดังกล่าว
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามนายมูวี่ แม็กเวล มูติโซ่ ผู้ต้องหาชาวเคนย่า ทราบว่าเป็นคนในขบวนการสแกมเมอร์ที่แอบหลบหนีเข้าเมืองหลังจากเคเคปาร์คแตก ต้องการเดินทางมาขึ้นเครื่องบินที่สนามบินแม่สอดไปยังกรุงเทพมหานคร แต่พอมาถึงยังจุดคัดกรองภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินแม่สอดกลับถูกเจ้าหน้าที่ตรวจ
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางในระบบสารสนเทศของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจไบโอเมทตริก ลักษณะเฉพาะของ (BIOMETRICS) ปรากฏข้อมูลว่านายมูวี่ แม็กเวล มูติโซ่ ผู้ต้องหาชาวเคนย่า ผู้ถูกจับกุมได้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 มี.ค.68 ตอนต้นปีที่มีการส่งตัวกลุ่มสแกมเมอร์กลับประเทศ ผ่านกระบวนการ NRM ในภารกิจส่งตัวคนต่างด้าวถูกหลอกไปทำงานในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
และถูกส่งกลับไปที่ประเทศเคนย่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค.68 จากนั้นได้หวนกลับมาหวังทำงานสแกมเมอร์อีกครั้ง โดยได้เดินทางออกจากประเทศเคนย่า ในวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ไปยังประเทศมาเลเซีย เดินทางถึงประเทศมาเลเซียวันที่ 14 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้มีกลุ่มขบวนการนำพาเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ผ่านช่องทางตรวจอนุญาติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ผู้ถูกจับได้ส่งหนังสือเดินทาง (ของกลาง) ให้กับชายไทยไม่ทราบชื่อ เพื่อนำหนังสือเดินทางดังกล่าวไปตีตราประทับปลอมเพื่อใช้เดินทางในราชอาณาจักรไทย
ภายหลังจากได้รับหนังสือเดินทางผู้ถูกจับเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียเข้ามายังจังหวัดนราธิวาสนั่งรถมาจนถึงจังหวัดตาก และได้ลักลอบเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรผ่านช่องทางธรรมชาติเพื่อไปทำงานในบริษัททุนจีนพื้นที่จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยได้ทำงานในบริษัททุนจีนแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน
จนทางการเมียนมาประกาศกวาดล้างและปล่อยให้เดินทางกลับเอง จึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศเคนย่า โดยลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ และจองตั๋วโดยสารสายการบินจากท่าอากาศยานแม่สอดไปยังกรุงเทพมหานคร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า มีความผิดข้อหา “ เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ใช้รอยตราประทับเจ้าพนักงานปลอม เป็นรอยตราด่าน ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุไหง โก-ลกและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.นราธิวาส ปลอม โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
ซึ่งผู้ถูกจับรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.บุญเลิศ ทิพย์ศรีบุตร สารวัตรสอบสวน สภ.แม่สอด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


