เชียงใหม่ ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ คุมตัวหนุ่มมือมีดแทงนักศึกษา ม.ดังเชียงใหม่ เจ็บ 5 คน หน้าร้านเหล้ากลางนิมมานฯ ซอย 7 ส่งฝากขังที่ศาลแล้ว หลังแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ พร้อมค้านการประกันตัว พบคดีเก่าที่ก่อเหตุถีบรถจักรยานยนต์ของพนักงานสวนสัตว์เชียงใหม่จนล้มบาดเจ็บ ยังอยู่ระหว่างรอลงอาญา แต่กลับมาก่อคดีอีก
วันนี้ (5 พ.ย. 68) ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจตรี ยุทธนา แก่นจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ เดินทางมายัง สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อสอบปากคำ นายอมรเทพ อายุ 27 ปี และ นายชลันธร อายุ 25 ปี สองผู้ต้องหามือมีดที่แทงนักศึกษา ม.ดัง ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย สาหัส 2 ราย ที่บริเวณหน้าร้านเหล้า นิมมานฯ ซอย 7 เมื่อกลางดึกของวันที่ 2 พ.ย. 68 ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีไป แล้วนำมีดของกลางไปทิ้งในลำคลองแถวเมืองสาตรหลวง โดยหลังก่อเหตุตำรวจชุดสืบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ได้ตรวจสอบคลิปจากพลเมืองดี และกล้องวงจรปิดภายในร้านและหน้าร้านกระทั่งทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุจึงได้จับกุมตัวเมื่อวานนี้ (4 พ.ย. 68) พร้อมตั้งข้อหาหนักร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ โดยวันนี้จะนำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดเชียงใหม่พร้อมค้านประกันตัวผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งขณะที่ทางตำรวจคุมตัวผู้ต้องหามานั้น พบว่ามีท่าทีนิ่งเฉยและไม่ยอมตอบคำถามหรือพูดคุยใดๆ กับผู้สื่อข่าวที่พยายามสอบถาม
พ.ต.อ.มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย. 68 ต่อมาเช้าวันจันทร์ทางตำรวจทราบตัวผู้ต้องหาแล้วแต่ยังขาดพยานหลักฐานที่จะมาสนับสนุนในการดำเนินคดีในการแจ้งข้อหา เพราะว่าจากพฤติการณ์คดีนี้เป็นข้อหาที่ค่อนข้างหนักพอสมควร เนื่องจากผู้บาดเจ็บถูกแทงเข้าที่บริเวณคอ ซึ่งเป็นจุดที่อันตราย และตำรวจได้พิจารณากับฝ่ายสอบสวนแล้วว่าข้อหานี้น่าจะเป็นข้อหาพยายามฆ่า โดยข้อหานี้ต้องแบ่งเป็นสองกลุ่มทั้งฝ่ายผู้ต้องหามือมีดและฝ่ายนักศึกษาที่สมัครใจทะเลาะวิวาทกันเพราะมีการท้าทายกันมาตั้งแต่ในร้าน และในขณะที่ทะเลาะวิวาทก็มีฝ่ายของผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธมีดเข้ามาแทงอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ส่วนสาเหตุที่ทะเลาะกันนั้น มาจากที่ฝ่ายหนึ่งเข้าไปในร้านเหล้าแล้วเดินเฉี่ยวผู้หญิงในกลุ่มของอีกฝ่าย จนมีการหันมามองหน้ากันและทำให้สองกลุ่มเขม่นกันมาตั้งแต่ในร้าน กระทั่งช่วงประมาณ 5 ทุ่มครึ่งได้เช็กบิลออกจากร้าน และมีการท้าทายกันจนมีเหตุบานปลายชกต่อยกันหน้าร้านกระทั่งนำไปสู่การใช้อาวุธมีดแทงกันจนได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกัน วันนี้ทางตำรวจได้เชิญผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาพบพูดคุยทำความเข้าใจร่วมด้วย หลังจากทราบว่ากลุ่มนักศึกษาเตรียมที่จะรวมตัวกันมาประท้วงที่สถานีตำรวจ เนื่องจากเข้าใจผิดว่าผู้ต้องหาอาจจะเป็นญาตินักการเมือง ทำให้กังวลใจและกลัวว่าคดีนี้จะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยได้พูดคุยกันจนเกิดความเข้าใจตรงกันแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนไม่เป็นความจริง
ขณะที่พลตำรวจตรี ยุทธนา แก่นจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่มีการทำร้ายร่างกายกันหน้าสถานประกอบการนิมมานฯ ซอย 7 ทำให้มีนักศึกษาถูกอาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บ 5 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 2 คน ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนต่างๆ อย่างเร่งด่วนเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จนกระทั่งจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในที่สุดภายในเวลารวดเร็ว ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าผู้ก่อเหตุเป็นลูกหลานนักการเมืองนั้น วันนี้ตนได้มาติดตามความคืบหน้าของคดี และมีการเชิญ ผศ.ดร.วรพจน์ เสรีรัฐ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าร่วมพูดคุยทำความเข้าใจและให้ข้อมูลที่ถูกต้องด้วย เพื่อยืนยันว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้เป็นลูกหลานนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่าทางตำรวจทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอย่างแน่นอน
ด้าน ผศ.ดร.วรพจน์ เสรีรัฐ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จากนี้ไปทางมหาวิทยาลัยจะได้มีการเน้นย้ำพูดคุยทำความเข้าใจกับนักศึกษาให้ระมัดระวังตัวและครองสติให้ดีหากมีการออกไปเที่ยว อย่างไรก็ตามต้องรอให้ถึงช่วงเปิดเทอมเสียก่อน เพราะช่วงนี้ปิดเทอม
สำหรับนายอมรเทพ หรือเฟิร์ส อายุ 27 ปี มือมีดที่ก่อเหตุและเป็นผู้ต้องหาในครั้งนั้น จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นอดีตไรเดอร์ส่งของของบริษัทผู้ให้บริการชื่อดังรายหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 68 เพิ่งก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ประกบแล้วถีบรถจักรยานยนต์ของพนักงานสวนสัตว์เชียงใหม่ล้มจนได้รับบาดเจ็บซี่โครงหักสามซี่ บริเวณถนนโชตนา ใกล้สี่แยกข่วงสิงห์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ อ้างว่าไม่พอใจและโมโหที่ถูกขี่รถปาดหน้า อย่างไรก็ตามจากการสอบถามอย่างละเอียดในท้ายที่สุดทราบว่าก่อนก่อเหตุเพิ่งทะเลาะกับภรรยา และมาระบายอารมณ์กับผู้อื่น อีกทั้งยังมีประวัติใช้ยาเสพติดด้วย ซึ่งนายอมรเทพยังอยู่ระหว่างการคุมความประพฤติแต่กลับมาก่อคดีซ้ำอีก


