สระแก้ว- คปท.นำมวลชน 200 คนเดินทางโดย 3 รถบัสให้กำลังใจทหาร-จนท.ชายแดนบ้านหนองจาน ย้ำไม่บุกพื้นที่พิพาทเหมือน "วีระ" แต่จะจับตาการปักหมุดเขตแดน 17 พ.ย.นี้ หวั่นไทยเสียเปรียบสัญญาสันติภาพลั่นหากเป็นเช่นนั้นพร้อมเคลื่อนไหวใหญ่
วันนี้ (2 พ.ย.)เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล ได้นำมวลชนจากกรุงเทพฯ จำนวน 200คน เดินทางโดยรถบัส 3 คันไปยังบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร -ตํารวจและผู้ปฎิบัติงานบริเวณหน้าด่านชายแดนไทย–กัมพูชา โดยได้รวมตัวกันที่บริเวณถนน ศรีเพ็ญ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในการปกป้องอธิปไตยไทย
ก่อนนำข้าวสาร อาหารแห้งและเครื่องดื่ม มอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ตํารวจและฝ่ายปกครอง พร้อมปรพกาศจุดยืนในการไม่ยอมเสียสิทธิ์ในที่ดินบ้านหนองจานซึ่งอยู่ในผืนแผ่นดินไทยให้ใครยึดครอง เป็นเวลาประมาณ 30 นาที ก่อนจะเปิดเวทีเล็กแสดงโฟล์คซองให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องขยายเสียงจากฝ่ายความมั่นคง
นายพิชิต เผยว่าการเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อเป็นการมาแสดงพลังของประชาชนผู้รักชาติ และเพื่อยืนยันว่าพื้นที่บ้านหนองจาน เป็นของประเทศไทยและเป็นของคนไทยทั้งประเทศ "พร้อมชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ และมุ่งหวังให้ภาครัฐเร่งรัดกระบวนการทวงคืนพื้นที่ อธิปไตยของไทย ที่กัมพูชา เข้ามายึดครอง
" แม้รัฐบาลไทยและกัมพูชา จะลงนามในสัญญาสันติภาพร่วมกัน แต่ คปท. เห็นว่าข้อตกลงนี้อาจเป็น “ดาบสองคม” เพราะที่ผ่านมากัมพูชาไม่เคยปฏิบัติตาม ข้อตกลงใดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการถอนกำลัง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด หรือการรักษาพื้นที่ปลอดอาวุธ ที่ในวันนี้ยังพบว่ามีการ ฝังทุ่นระเบิดเพิ่มหรือซ่อนอาวุธอื่นไว้ในพื้นที่ สร้างความไม่ไว้วางใจ ให้กับประชาชนชายแดน และยังจะจับตาดูว่าการปักหมุดเขตแดนในวันที่ 17 พ.ย.นี้ไทยจะเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่ "
จับตา การปักหมุดชายแดน 17 พ.ย.นี้
นายพิชิต ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย–กัมพูชา (JBC) ที่กำหนดให้มีการปักหมุดเขตแดในวันที่ 17 พ.ย.นี้ว่าคปท.และภาคประชาชนจะเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และหากผลการปักหมุดทำให้ไทยเสียเปรียบหรือเสียดินแดนแม้เพียงเล็กน้อย กลุ่ม คปท.ก็อาจรวมพลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและปกป้องอธิปไตยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
โดยยืนยันว่าการแสดงออกของ คปท. และ นายวีระ สมความคิด แม้จะมีวิธีการต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือการทวงคืนแผ่นดินไทย เพียงแต่ครั้งนี้ คปท. ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่พามวลชนเข้าไปในพื้นที่พิพาท เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการเจรจาของรัฐบาล
และยังกล่าวถึงท่าทีของรัฐบาลที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าช่วงก่อนรับตำแหน่งเคยประกาศชัดว่า “จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่เซนติเมตรเดียว” หลังการเจรจาสันติภาพกลับแสดงท่าทีอ่อนลงและยอมรับว่าบางส่วนของไทยอาจรุกล้ำไปในฝั่งกัมพูชา ซึ่งถือเป็นถ้อยคำที่อาจส่งผลกระทบต่อขวัญ และกำลังใจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติและประชาชนอีกทั้งยังถึงอาจถูกต่างชาตินำไปตีความต่อในทางเสียหาย
“เรากังวลว่า จะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะตอนนี้รัฐบาลดูจะอ่อนข้อให้กับกัมพูชาเกินไปและอาจไม่ทันเกม โดยขอยืนยันว่าไม่เห็นด้วย กับการเปิดด่าน เพราะไทยมีศักยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจและกองกำลังที่เหนือกว่า " นายพิชิต กล่าว


