หนองบัวลำภู-เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภูร่วม ม.ราชภัฏอุดรธานี และ ม.ราชภัฏนครราชสีมาจัดกิจกรรมเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์ หนึ่งเดียวในประเทศไทย เป็นการสาธิตการเกี่ยวข้าวในระยะน้ำนมเพื่อผลิต “ข้าวพรหมจรรย์” หรือ “ข้าวหอมมรกต” ข้าวสุขภาพชั้นพรีเมียมที่ขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ300 บาท โดยปี 69 เดินหน้าจัดอบรมเกษตรกรเพิ่มอีก 210 รายใน6 อำเภอ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตจชาวนาให้มีรายได้มั่นคงยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น.คืนที่ผ่านมา( 31 ต.ค.)ที่ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนตำบลฝั่งแดง บ้านสุขสำราญ ต.ฝั่งแดง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู นางสาวอรอาภา โล่ห์วีระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นประธานเปิดงานและร่วมเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์กับนายอำพน ศิริคำ เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู ตลอดจนตัวแทนส่วนราชการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวบ้านสุขสำราญและกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวตำบลอุทัยสวรรค์
กิจกรรมเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์ หนึ่งเดียวในประเทศไทยครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาและมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เป็นการเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์อันงดงามในคืนสุดท้ายเดือนตุลาคมท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่นเย็นสบายที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นปรองดอง เป็นการสาธิตการเก็บเกี่ยวข้าวในระยะน้ำนมสำหรับการผลิต “ข้าวพรหมจรรย์” หรือ “ข้าวหอมมรกต” ข้าวสุขภาพชั้นพรีเมียมที่ขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 300 บาท
นายอำพน ศิริคำ เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู เปิดเผยว่า “ข้าวพรหมจรรย์” หรือ “ข้าวหอมมรกต” เป็นข้าวที่เก็บเกี่ยวในระยะน้ำนมหรือหลังตั้งท้องเพียง 7–10 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่เมล็ดยังอ่อน อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะสารโฟเลตที่จำเป็นต่อสตรีมีครรภ์ การเก็บเกี่ยวจะทำเฉพาะในช่วงกลางคืนหรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดที่ทำลายคุณค่าทางอาหาร ช่วยคงสีเขียวมรกต ความหอม และความสดของข้าวไว้ได้อย่างสมบูรณ์
กิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญสองประการ คือ การประชาสัมพันธ์เรื่องราวของข้าวพรหมจรรย์ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ทางการตลาด และ การนำผลงานวิจัยสู่ไร่นา โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกร 80 ราย จากสองกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนข้าวฮางบ้านสุขสำราญ และกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวตำบลอุทัยสวรรค์ ผ่านการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาและมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
นายอำพนกล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดหนองบัวลำภูผลิตข้าวพรหมจรรย์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว นับเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรที่ชัดเจน จากราคาข้าวทั่วไปเพียงไม่กี่สิบบาท สู่ข้าวพรีเมียมที่จำหน่ายได้ระหว่าง 120–300 บาทต่อกิโลกรัม พร้อมเตรียมขยายผลในปี 2569 โดยได้รับงบพัฒนาจังหวัด เพื่ออบรมเกษตรกรเพิ่มเติม 210 รายใน 6 อำเภอ และสนับสนุนเครื่องนึ่งข้าวฮางมาตรฐานขนาดบรรจุ 60–80 กิโลกรัม รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น
“ข้าวพรหมจรรย์” ไม่เพียงเป็นผลิตผลจากภูมิปัญญาและงานวิจัย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการยกระดับเกษตรกรไทยให้มีรายได้มั่นคงยิ่งขึ้น” นายอำพนกล่าว พร้อมย้ำว่า แนวทางนี้สอดคล้องกับ วิสัยทัศน์จังหวัดหนองบัวลำภู ‘เกษตรเพิ่มมูลค่า เมืองผ้า น่าอยู่น่าเที่ยว’ ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วยนวัตกรรมและคุณค่าทางวัฒนธรรม.


