เชียงใหม่/เชียงราย - ชาวบ้าน องค์กรเอกชน นักวิชาการ เสียงเอกฉันท์..ค้านหัวชนฝา หลังรัฐจ่อทุ่มงบเกือบ 200 ล้านสร้าง "ฝายดักตะกอนน้ำกกแม่อาย" ดักสารพิษ-โลหะหนักข้ามแดนจากเหมืองเขตว้า-รัฐฉาน ที่ทำน้ำปนเปื้อนจนใช้ไม่ได้ทั้งลุ่มน้ำ เชื่อไม่ได้ผล เปลืองงบฯ ทำลายระบบนิเวศ
สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตได้เผยแพร่ข้อความว่า สมาคมฯ ได้ร่วมกับมูลนิธิร่มโพธิ์ กลุ่มรักษ์แม่น้ำกก และ ดร.สืบสกุล กิจนุกร จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จัดเวทีรวบรวมสภาพปัญหาและผลกระทบจากทั้งเหมืองทอง แมงกานีส แรร์เอิร์ท ฯลฯ เขตว้า-รัฐฉาน เมียนมา ปล่อยสารพิษในแม่น้ำกกพื้นที่บ้านท่าตอน บ้านแม่เมืองน้อย บ้านเมืองงามเหนือ บ้านเมืองงามใต้ และบ้านสบงาม ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อนำข้อมูลเสนอต่อภาครัฐ
ข้อมูลที่ได้รับพบว่าประชาชนที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว การเกษตร และการประมง ต่างได้รับผลกระทบจากแม่น้ำกกปนเปื้อนสารพิษกันถ้วนหน้า ไม่สามารถใช้น้ำจากแม่น้ำกกเพื่อการอุปโภคบริโภคได้เลย ปัจจุบันชาวบ้านต้องหันไปใช้น้ำจากลำน้ำสาขาหรือระบบประปาภูเขาแทน ซึ่งบางช่วงก็ขาดแคลนน้ำ หลายชุมชนต้องแบกรับภาระในการซื้อน้ำในราคาสูงถึง 200 บาทต่อน้ำ 1,000 ลิตร ทำให้การขาดแคลนน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภคกลายเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่สุด
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้แสดงจุดยืนคัดค้านแผนการสร้างฝายดักตะกอนในแม่น้ำกก เพราะเชื่อว่าแก้ไขปัญหาไม่ได้ หลังจากได้รับแจ้งว่ารัฐบาลมีโครงการจะก่อสร้างฝายดักตะกอนแม่น้ำกก 4 ฝาย เขต อ.แม่อาย เป็นมูลค่า 173 ล้านบาท โดยชาวบ้านเสนอว่าควรนำงบประมาณดังกล่าวไปจัดสร้างระบบประปาบาดาลน้ำลึกให้กับชาวบ้านทั้ง 19 หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบมากกว่า เพื่อให้ชาวบ้านมีน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยประสานงานกับกรมป่าไม้หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพราะพื้นที่ที่จะเจาะบ่อบาดาลอยู่ในเขตอุทยานฯ
สมาคมฯ ระบุอีกว่า ล่าสุดกรมทรัพยากรน้ำได้ประกาศจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อทบทวนแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสายในวันที่ 10 พ.ย. 2568 ที่ อ.แม่อาย และวันที่ 11 พ.ย. 2568 ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่าจะเข้าร่วมแสดงเจตนารมย์ทั้ง 2 เวที เพื่อแสดงพลังคัดค้านและยืนยันว่าจะไม่เอาฝายดักตะกอน โดยจะย้ำให้ภาครัฐเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคซึ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดก่อน
ด้านนายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่า ตามปกติการสร้างเขื่อนหรือฝายจะมีเป้าหมายเพื่อการชลประทานหรือผลิตกระแสไฟฟ้า แต่ครั้งนี้กลับเป็นการสร้างเพื่อดักตะกอนและสารพิษที่เป็นโลหะหนัก ซึ่งส่วนตัวตนเห็นว่ากลับจะทำลายระบบนิเวศ เพราะจะกลายเป็นแหล่งกักเก็บสารพิษที่ทำลายแหล่งน้ำ พันธุ์พืช พันธุ์ปลา และแหล่งที่อยู่อาศัยและอพยพของปลา ดังนั้นควรใช้งบเพื่อการเจรจากับรัฐบาลประเทศเมียนมา จีน และชนกลุ่มน้อยว้าแดงจะดีกว่า


