ศูนย์ข่าวศรีราชา- พัทยาเฮ!! รัฐเล็งเลิกนโยบายโซนนิ่ง-ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจกลางคืนทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี ชี้เฉพาะแค่เมืองพัทยา หากใช้ได้ทันในต้นปี 69 จะสร้างรายได้หมุนเวียนได้กว่าหมื่นล้าน
จากกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายให้ กระทรวงมหาดไทย (มท.) และ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมหารือเพื่อยกเลิกการจัดโซนนิ่งพื้นที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ และขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. จากเดิมที่อนุญาตถึง 02.00 น.
รวมถึงผ่อนคลายข้อห้ามจำหน่ายช่วงเวลา 14.00–17.00 น. โดยตั้งเป้าดำเนินการให้ทันภายในเดือน มกราคม 2569 ก่อนการยุบสภา นิกจากนั้นยังมีแนวคิด ปรับระบบใบอนุญาตสถานบริการจาก “ต้องขออนุญาต” เป็น “ขึ้นทะเบียนสถานบริการ” เพื่อให้ภาคธุรกิจดำเนินการได้สะดวกขึ้น คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ภาษีรัฐกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี
โดยในขณะนี้ กระทรวงมหาดไทย มีกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิด–ปิดสถานบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 ที่อนุญาตให้สถานบริการใน 4 จังหวัดและ 1 อำเภอ เปิดได้ถึงเวลา 04.00 น. ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, ภูเก็ต, เชียงใหม่ และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงสถานบริการในโรงแรมทั่วประเทศที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมนั้น
วันนี้ ( 23 ต.ค.)นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น้กี่ยวกับนโยบายดังกล่าวว่า เป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในพื้นที่รอบนอกโซนนิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับอนุญาตขยายเวลาเปิดถึงตี 4 จนทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ
ขณะที่ในรอบแรกที่มีการขยายเวลาเปิดถึงตี 4 เฉพาะเขตโซนนิ่ง เช่น วอล์คกิ้งสตรีท และพื้นที่ที่มีใบอนุญาตถูกต้อง ได้ทำให้สถานบันเทิงในพื้นที่เหล่านั้นยอดขายเพิ่มขึ้น รวมทั้งนักท่องเที่ยวยังรู้สึกผ่อนคลายและไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา ส่วนพนักงานและธุรกิจก็สามารถไปต่อและได้ประโยชน์เต็มที่
นางลิซ่า ยังกล่าวอีกว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการรอบนอกโซนนิ่งต่างเรียกร้องให้ภาครัฐเปิดโอกาสเท่าเทียม เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่เฉพาะโซนนิ่ง ขณะที่ร้านรอบนอกกลับซบเซา ซึ่งการยกเลิกโซนนิ่ง จะก่อให้เกิดกระจายรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง
" นโยบายเปิดเสรีพื้นที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขยายเวลาเปิดสถานบริการทั่วประเทศ จะสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้คึกคักได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และสมุย ซึ่งเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประเทศและผู้ประกอบการคาดว่าหากมาตรการมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2569 ก็จะทำให้เมืองพัทยา กลับมาคึกคักอีกครั้งและสร้างรายได้หมุนเวียนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการได้หลายหมื่นล้านบาทต่อปี" นางลิซ่า กล่าว


