จันทบุรี- จบแบบงงๆ การประชุม JBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญที่จันทบุรี วันที่สองเริ่มล่าช้ากว่า 2 ชม.เหตุรอฝั่งกัมพูชาเดินทางทำประชุมจบสามทุ่ม ประธาน JBC ฝ่ายไทยแจ้งไม่สามารถเผยผลการหารือได้เหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องรอเคลียร์ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
จากกรณีที่ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่โรงแรมมณีจันทร์รีสอร์ท จ.จันทบุรี ระหว่างวันที่ 21-22ต.ค.2568 โดยมีนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมการเขตแดน นำคณะทำงานฝ่ายไทยเข้าร่วม ส่วนกัมพูชา มี นาย ฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดน นำหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชาและคณะเข้าร่วม
การประชุมในครั้งนี้เน้นการหารือใน2 ข้อหลักคือ การรุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทยบริเวณบ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว และการที่ฝ่ายไทยจะแจ้งให้กัมพูชา ได้ทราบถึงแผนการสร้างรั้วแนวตรง เชื่อมหลักเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันแล้ว
พร้อมเสนอให้เร่งรัดแก้ไข TOR ปี 2003 เพื่อเปิดทางให้ใช้เทคโนโลยี ไลดาร์ (LiDAR) ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศที่มีความละเอียดสูง โดยไม่มีการหารือเรื่องการปักปันเขตแดนแต่อย่างใด
และจะมีการแถลงข่าวผลการหารือในวันสุดท้ายของการประชุมในวันนี้ (22 ต.ค.) แต่สุดท้ายตารางการประชุมที่กำหนดให้มีขึ้นในเวลา 15.00 น.ก็ต้องมีอันเลื่อนออกไปถึง 2 ชั่วโมงเพื่อรอให้ตัวแทนฝ่ายกัมพูชา เดินทางเข้าร่วมประชุม จนทำให้การประชุมสิ้นสุดลงในเวลา 21.30น. ท่ามกลางการเฝ้ารอทำข่าวของสื่อมวลชนจำนวนมากนั้น
ล่าสุด นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ฝ่ายไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเพียงสั้นๆ ว่าการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ในครั้งนี้ล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและต้องประสานข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของการหารือได้ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
และจะต้องนำเสนอผ่านกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทย ก่อนที่จะเผนแพร่ต่อสาธารณชน
“เราคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ทั้งสองฝ่ายมีแนวทางและท่าทีของตัวเองที่ได้รับมอบหมายมาจากรัฐบาล เราแลกเปลี่ยนความเห็น แต่เรื่องรายละเอียดยังไม่สามารถชี้แจงได้ ต้องรอเคลียร์กับผู้ใหญ่ของผมก่อนและให้รัฐบาลเห็นชอบ ส่วนฝ่ายเขาก็ต้องคุยกับผู้ใหญ่ของเขา ซึ่งเรื่องที่จะต้องเคลียร์กันคือประเด็นบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว และหลักเกณฑ์การทำงานที่ผ่านมาว่าถูกต้องหรือไม่และขั้นตอนต่อไปจะซ่อมหรือดำเนินการอย่างไร”
ทั้งนี้ นายประศาสน์ ยังได้กล่าวย้ำว่า การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจะมีขึ้นหลังขั้นตอนภายในเสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถตอบคำถามที่เจาะลึกลงไปกว่านี้ได้และจะให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนหลังรัฐบาลเห็นชอบแล้ว.
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สุดท้ายแม้แต่สื่อมวลที่รอทำข่าวก็ยังไม่รู้ข้อสรุปของการหารือระหว่างสองประเทศในครั้งนี้ว่าทิศทางออกมาเป็นเช่นไร