ฉะเชิงเทรา -รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ดูศูนย์ทดสอบยานยนต์ “ATTRIC” พบคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 80 พร้อมดันให้ไทยก้าวสู่ฮับยานยนต์แห่งอนาคต หวังสร้างเม็ดเงินลงทุนกว่าพันล้านบาทต่อปี
วันนี้ ( 22 ต.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปยังศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center - ATTRIC) หลังได้รับอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างเมื่อปี 2559 จำนวนกว่า 3,700 ล้านบาท และพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2570
พร้อมระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทย เป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ และอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลกและยังเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งยังมีการส่งออกยางล้อรถยนต์เป็นอันดับ 2 ของโลก
จึงทำให้ศูนย์ ATTRIC เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการส่งเสริมให้ประเทศไทยให้เป็นเป้าหมายของการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต สอดคล้องกับนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากผู้ผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วนและยางล้อ
รวมทั้งเป็นสถานที่รองรับการทดสอบ และวิจัยด้านยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าและยางล้อระดับโลก
โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะกระจายเม็ดเงินในพื้นที่โดยรอบไม่ต่ำกว่า 148 ล้านบาทต่อปี สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ด้าน นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ATTRIC มีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้วกว่าร้อยละ 80 ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 2,683 ล้านบาท
โดย กระทรวงอุตสาหกรรม ได้วางแนวทางในการดำเนินงานผลักดันให้ ATTRIC เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา (Knowledge Infrastructure) เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน พร้อมทำหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ด้านการทดสอบ เพื่อสร้างบุคลากรทักษะสูง รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
"ที่สำคัญ คือการลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบในต่างประเทศของผู้ประกอบการในไทยเอง รวมทั้งยังสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงเครื่องมือทดสอบที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด" นายณัฐพล กล่าว
ด้าน นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวถึงการก่อสร้างสนามทดสอบว่า เสร็จไปแล้วจำนวน 5 สนาม ได้แก่ 1.สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 และ 2.สนามทดสอบระบบเบรกมือ 3.สนามทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง 4.สนามทดสอบระบบเบรก 5.สนามทดสอบพลวัต
และยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอีก 1 สนาม คือ สนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ โดยคาดว่าพร้อมจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบครบวงจรได้ในปี 2570 เพื่อใช้ในการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบยางล้อยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อรองรับการดำเนินงานของศูนย์ทดสอบฯ ที่ทาง สมอ. ได้กำหนดมาตรฐานแล้วจำนวน 19 มาตรฐาน
อาทิ เสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน มลพิษทางเสียงของจักรยานยนต์ จุดยึดเข็มขัดนิรภัยฯ เข็มขัดนิรภัย แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จรถไฟฟ้า กระจกนิรภัยป้องกันผู้โดยสารเมื่อเกิดการชนจากด้านหน้าของยานยนต์
โดยปัจจุบันศูนย์ทดสอบฯ เริ่มให้บริการทดสอบแก่ผู้ประกอบการแล้ว ตั้งแต่เมื่อปี 2562 โดยมีมูลค่าการทดสอบรวมกว่า 189 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการบริหารงานศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติที่เหมาะสม เพื่อให้การบริหารงานมีความคล่องตัว และรองรับการให้บริการผู้ประกอบการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด