บุรีรัมย์- ปศุสัตว์ อ.นางรอง บุรีรัมย์ พร้อมกำนัน ผญบ. รุดตรวจสอบ ปม“พังศรีนวล” ช้างเพศเมีย อายุ 67 ปี ป่วยตายเจ้าของไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ แอบฝังใกล้ชุมชนและสถานที่ราชการ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งแมลงวันตอม กระทบต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้าน ทั้งกลัวเกิดโรคระบาด ปศุสัตว์เผยแม้ฝังในที่ดินตัวเองแต่สร้างความเดือดร้อนผู้อื่น เจ้าของต้องแก้ไขนำยาฆ่าเชื้อ ปูนขาวโรยและนำดินมาถมเพิ่มจนกว่ากลิ่นหาย
วันนี้ ( 17 ต.ค.68) เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมกำนันตำบลชุมแสง และผู้ใหญ่บ้าน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่บ้านทุ่งโพธิ์ ตำบลชุมแสง อำเภอนางรอง หลังได้รับร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่ามีเจ้าของช้าง นำช้างที่ป่วยตายไปฝังกลบในเขตชุมชน ใกล้โรงน้ำดื่มหมู่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และ อบต.ชุมแสง ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วทั้งหมู่บ้าน สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในพื้นที่ ทั้งเกรงจะเกิดโรคระบาด เพราะไม่รู้สาเหตุที่ช้างป่วยตาย เนื่องจากเจ้าของไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่รับทราบ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วหากช้างที่เลี้ยงไว้ป่วยตาย เจ้าของหรือควาญช้าง ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนสัตวแพทย์หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 12 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุการตาย เพื่อจะได้แนะนำเจ้าของให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องป้องกันการระบาดของโรค
จากการตรวจสอบพบมีการนำซากช้างไปฝังกลบริมถนนในหมู่บ้านใกล้กับชุมชน และสถานที่ราชการจริง มีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง บริเวณที่ฝังมีฟองผุดออกมา และมีแมลงวันตอม แต่เนื่องจากซากช้างที่ตายถูกฝังไปเกือบสัปดาห์แล้ว สภาพน่าจะเริ่มเน่าเปื่อยไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้ว การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ได้ให้เจ้าของช้างไปเบิกยาฆ่าเชื้อที่ปศุสัตว์มาราดป้องกันเกิดโรคระบาด หลังจากนี้ให้นำปูนขาวมาโรยเพิ่มบริเวณที่ฝังและนำดินมากลบเพิ่มด้วย กลิ่นคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ กลิ่นก็จะหายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมาติดตามต่อเนื่อง
นางวิชยา หรรษา ชาวบ้านทุ่งโพธิ์ บอกว่า หลังจากที่ช้างป่วยตายก็ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดมาดู คาดว่าเจ้าของคงไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ แต่กลับนำมาฝังใกล้กับชุมชน โดยที่ไม่ได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่เลย หลังจากฝังไปได้ไม่กี่วันก็ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ซึ่งบ้านตนและชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดที่ฝัง ก็ได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะกลิ่นเหม็นเน่าแรงมาก ทั้งกลางวันและกลางคืน และกลัวเรื่องโรคระบาดด้วย เพราะมีทั้งน้ำเลือดน้ำนองผุดออกมามีแมลงวันตอมด้วย อยากให้แก้ไขทั้งเรื่องกลิ่นเหม็นและเชื้อโรค ที่จะไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน โดยเฉพาะเด็ก คนแก่
ด้านนายนที อายุ 47 ปี เจ้าของหรือควาญช้าง ยอมรับว่า ช้างที่นำมาฝังกลบเป็นช้างของตนเอง เป็นเพศเมีย ชื่อ "พังศรีนวล" อายุ 67 ปี สูง 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 2,600 กิโลกรัม พังศรีนวล มีการป่วยเรื้อรังมานาน แต่รักษาอาการดีขึ้นแล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 68 ที่ผ่านมา ช้างมีอาการท้องอืด ตนก็วิ่งไปเอายาที่ รพ.ช้าง จังหวัดสุรินทร์กลับมารักษา แต่ช้างก็ไม่ถ่าย กระทั่งเวลา 22.50 น. เจ้าพังศรีนวลล้มลงอย่างสงบ ตนแจ้งทาง รพ.ช้างที่สุรินทร์ และแจ้งผู้นำชุมชนให้ทราบ แต่ไม่ได้แจ้งปศุสัตว์หรือหน่วยงานในพื้นที่
จากนั้นวันที่ 13 ตุลาคม 2568 นิมนต์พระมาทำพิธีสวดตามความเชื่อ แล้วนำซากไปฝังกลบทันทีซึ่งเป็นที่ดินของตัวเอง โดยฝังลึก 5-6 เมตร โดยจ้างรถแบล็คโฮ และซื้อดินมากลบ แต่วันนั้นมีฝนตกทำให้น้ำชะล้างดินและมีน้ำขัง มีการนำ EM มาผสมน้ำเทราดทุกชั่วโมง อีกทั้งนำดินมากลบเพิ่มแล้ว ไม่คิดว่าจะส่งกลิ่นเหม็นออกมา ขอโทษคนในชุมชนที่ทำให้เดือดร้อน รับปากว่าจะทำตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำเพื่อไม่กระทบกับชุมชน
ด้าน นายลำยอง หอยสังข์ ผู้ใหญ่บ้านทุ่งสันติสุข หมู่ 14 ญาติเจ้าของช้าง บอกว่า ช้างตัวนี้เป็นช้างตัวสุดท้ายที่อยู่คู่กับหมู่บ้าน ตนในฐานะเครือญาติ เพราะบรรพบุรุษก็เลี้ยงช้างมาโดยตลอด ซึ่งตัวนี้มันป่วยและล้มตายลง ได้ประสานและขอคำแนะนำจากโรงพยาบาลช้างจังหวัดสุรินทร์ ในการกำจัดซาก ซึ่งได้ฝังกลบในที่ดินของเจ้าของจริงและเกิดปัญหาขึ้นจริง ในส่วนตรงนี้พร้อมจะแก้ไขปัญหา ตามคำแนะนำของทางปศุสัตว์อำเภอนางรอง